ใช้`ไหมขัดฟัน`ลดสะสม`หินปูน’ ผู้สูงวัยสุขภาพฟันแข็งแรง

ที่มา : ไทยโพสต์


ใช้'ไหมขัดฟัน'ลดสะสม'หินปูน'สร้างสุขภาพแข็งแรงคนวัยเกษียณ thaihealth


แฟ้มภาพ


เชื่อว่าผู้สูงอายุหลายคนไม่ปรารถนาที่จะใส่ฟันปลอม ดังนั้นการดูแลสุขภาพฟันตั้งแต่เนิ่นๆ เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันการถอนฟันแท้ ซึ่งนั่นอาจส่งผลต่อระบบการเคี้ยวและการย่อยอาหาร ทำให้คุณตาคุณยายท้องอืดท้องเฟ้อ หรือหากผู้สูงอายุที่จำเป็นต้องใส่ฟันปลอม ก็ควรทำความสะอาดให้เหมือนกับฟันแท้ ในงาน "ศิริราช 130 ปี 130 โครงการทำงานเพื่อแผ่นดิน" วนิดา เหมะเทวัญ ผู้ปฏิบัติงานทันตกรรม แผนกทันตกรรม รพ.ศิริราช ให้ข้อมูลเกี่ยวการดูแลสุขภาพช่องปากที่เหมาะกับผู้สูงวัย


คุณวนิดา ผู้ปฏิบัติงานทันตกรรม ให้ข้อมูลว่า "ฟันมีทั้งหมด 2 ชุดด้วยกันคือ ฟันน้ำนมที่มีทั้งหมด 20 ซี่ และฟันแท้จำนวน 32 ซี่ ฟันน้ำนมจะอยู่กับเราตั้งแต่เด็กไปจนถึงก้าวเข้าสู่วัยรุ่น ส่วนฟันแท้อยู่ตลอดชีวิต ดังนั้นสิ่งที่สำคัญสำหรับเด็กผู้ใหญ่และผู้สูงอายุคือ การดูแลฟันไม่ให้ผุหรือมีหินปูน เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้สูงอายุใส่ฟันปลอม ดังนั้น ควรพาผู้สูงอายุ ไปเช็กสุขภาพฟันทุกๆ 3-6 เดือนครั้ง เพื่อทำการขูดหินปูนซึ่งเป็นสาเหตุของกลิ่นปาก ทำให้ฟันผุ เนื่องจากเวลามีคาบหินปูนเกาะที่ช่องปาก ผู้สูงอายุจะมองไม่เห็นเศษอาหาร ประกอบกับเมื่อฟันผุมากๆ ก็ทำให้ต้องถอนออกไปและต้องใส่ฟันปลอมในที่สุด และจะนำมาซึ่งผลข้างเคียงอยู่บ้าง เช่น การเคี้ยวข้าวไม่ละเอียด เนื่องจากไม่ใช่ฟันแท้ และบางครั้งอาจทำให้พูดไม่ชัด หรือการที่ฟันปลอมหลุดขณะที่พูดคุย ซึ่งอาจทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกไม่มั่นใจและเสียบุคลิกได้


หากผู้สูงวัยที่มีปัญหาสุขภาพช่องปากทำให้ต้องใส่ฟันปลอม จะมีอยู่ 2 รูปแบบ คือ 1.แบบฐานพลาสติก (มีเหงือกสีชมพู) 2.ฟันปลอมฐานโลหะ ซึ่งจะมีอายุการใช้งานคงทนและราคาสูงกว่า โดยทันตแพทย์จะแนะนำและเลือกให้เหมาะกับสุขอนามัยของผู้สูงวัย หากมีปัญหาใส่ฟันปลอมและมักหลุดเวลาที่กินอาหาร ก็จะแนะนำให้ใช้ผงยึดฟันปลอม ในส่วนของคนไข้ที่มีฐานะดีหรือมีกำลังจ่าย จะแนะนำให้ "ฝังรากฟันเทียม" ซึ่งมีข้อดีคือ ฟันปลอมติดแน่น แต่ไม่ใช่ทุกคนจะรักษาได้ด้วยวิธีดังกล่าว เช่น หากคุณตาคุณยายกำลังกินยาสลายลิ่มเลือด อาจทำให้เลือดออกเยอะ รวมถึงมีปัญหาเรื่องกระดูกไม่แข็งแรง ก็ไม่สามารถรักษาสุขภาพช่องปากด้วยนวัตกรรมดังกล่าว


สำหรับการดูแลฟันปลอม หลังกินข้าวควรถอดล้าง โดยใช้น้ำสะอาดทั่วไป พร้อมกับใช้แปรงสีฟันทำความสะอาดเหมือนเราแปรงฟันปกติ ที่สำคัญให้ผู้สูงอายุหรือผู้ดูแลคอยหมั่นเช็กว่ามีคาบหินปูนหรือไม่ ถ้าหากมีต้องนำไปให้ทันตแพทย์ขูดหินปูนเช่นเดียวกัน


สำหรับโรคที่มาพร้อมกับสุขภาพช่องปาก ได้แก่ "อาการฟันโยก" และทำให้ต้องถอนฟันและใส่ฟันปลอม หรือที่รู้จักดีอย่าง "โรครำมะนาด" หรือ (ปริทนต์) โดยเกิดจากการที่มีปัญหาฟันโยก ตามมาด้วยเลือดออกเวลาแปรงฟันและมีกลิ่นปาก ซึ่งโรคดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นหากช่องปากของผู้อายุปราศจาก "หินปูน" ที่สำคัญควรเริ่มดูแลสุขภาพช่องปากตั้งแต่เด็กเล็กที่ฟันเริ่มขึ้น และผู้ปกครองต้องพาลูกหลานมาปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาฟันน้ำนมให้ดี อีกทั้งเฝ้าระวังปัจจัยที่เสี่ยงต่อการเสียฟันของบุตรหลานที่เกิดจากการดื่มน้ำหวาน น้ำอัดลม หรือลูกอมทอฟฟี่


โดยการหมั่นบ้วนน้ำทุกครั้ง พ่อแม่ต้องปลูกฝังให้เด็กๆ ดื่มนมจืดแทน เพราะนอกจากจะเป็นการเพิ่มแคลเซียม ทำให้ฟันแข็งแรงแล้ว ยังป้องกันน้ำตาลที่เป็นสาเหตุของฟันผุจากการดื่มนมชนิดดังกล่าวได้เช่นเดียวกัน


นอกจากนี้ เวลาลูกหลานกลับบ้าน คุณพ่อคุณแม่ต้องหมั่นเช็ก โดยช่วยน้องๆ แปรงฟันให้สะอาด เนื่องจากเวลาที่เด็กๆ อยู่โรงเรียนมักจะดูสุขภาพช่องปากไม่ดี นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องใช้ "ไหมขัดฟัน" ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ เพราะถ้าหากวัยเด็ก วัยรุ่น ไปจนถึงวัยกลางคน หมั่นตรวจเช็กสุขภาพช่องปาก และใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ ก็จะลดการเกิด "หินปูน" ที่เป็นสาเหตุสำคัญของการเสียฟันและนำมาซึ่งการใส่ฟันปลอมได้ พูดให้ถูกคือผู้สูงอายุก็จำเป็นต้องใช้ไหมขัดฟัน โดยสามารถใช้ทั้งก่อนและหลังแปรงฟันก็ได้ แล้วแต่เทคนิคและความชอบของแต่ละคน".


 


 

Shares:
QR Code :
QR Code