ใช้วันวิสาขบูชาเป็นจุดเปลี่ยนงดขาย-ดื่มเหล้า
ผ่านวันสำคัญทางศาสนาไปอีกหนึ่งวันแล้ว นั่นคือ “วันวิสาขบูชา” ซึ่งถือเป็นวันพระใหญ่ ตามวิถีชาวพุทธเราแล้ว ถือเป็นวันที่เราทุกคนควรลด ละ เลิกจากการทำบาป และหันมาเข้าวัด ทำบุญ ตักบาตร ถือศีลเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง…แต่ปัจจุบันดูเหมือนว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อมีการกำหนดให้เป็นวันหยุด ตามนิสัยของคนไทยก็มักตั้งวงดื่มเหล้ากันอย่างสนุกสนานจนลืมประเพณีดีงามไป และเมื่อเหล้าเป็นต้นตอของปัญหาใหญ่ๆ ทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้จึงมีการรณรงค์ผลักดันให้เกิดกฎหมายห้ามขายเหล้าในวันพระใหญ่ที่ 1 ปีจะมี 4 วัน หนึ่งในนั้นก็คือวันวิสาขบูชาด้วย
ภก.สงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า หรือ สคล. บอกกับเราว่า ปัจจุบันภาพรวมของการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถือว่ามีอัตราเพิ่มที่ลดลง แต่ที่ยังน่าห่วงอยู่ก็คือกลุ่มของเยาวชน ที่กลับกลายมาเป็นนักดื่มหน้าใหม่เพิ่มขึ้น แถมอายุเฉลี่ยในการเพิ่งเริ่มหัดดื่มก็อายุน้อยลงทุกวัน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าห่วงที่สุด เพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปทำลายสมอง ถ้าสังคมไทยมีคนดื่มที่อายุต่ำลงเรื่อยๆ ก็หมายความว่า คุณภาพสมองของประชากรไทยที่จะไปเป็นอนาคตของชาติก็ลดลง นอกจากนี้ยังเพิ่มปัญหาอื่นๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องการคุกคามทางเพศ การเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือแม้แต่ที่เป็นข่าวโด่งดังอย่างการศพทารก 2,000 ศพ ก็เป็นปัญหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหล้าเช่นกัน รวมไปถึงการทะเลาะวิวาท การก่ออาชญากรรมและที่เห็นชัดที่สุดคืออุบัติเหตุ ที่ใน 1 ปี มีผู้เสียชีวิตเป็นหมื่นศพด้วยเหตุจากเหล้าแทบทั้งสิ้น
“สรุปได้ว่าเหล้าทำลายชีวิตคนไทยไปแล้วกว่าปีละ 26,000 คน หรือเสียชีวิตในทุกๆ 20 นาที คงไม่มีสงครามใดๆ หรือยาเสพติดใดๆ ที่ทำลายคนได้มากขนาดนี้”ภก.สงกรานต์กล่าว
ผอ. สคล.บอกต่อว่า เมื่อสังคมไทยกำลังถูกรุมเร้าด้วยของมึนเมาเช่นนี้ การจะห้ามไม่ให้ดื่มคงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้เลย จึงเกิดการผลักดันให้เกิดกฎหมายห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันพระและมีผลบังคับใช้ไปแล้วเมื่อปี 2551 จากการสำรวจที่ผ่านมาอัตราการดื่มในช่วงวันพระก็ลดลง รวมถึงปัญหาต่างๆ ที่ตามมาก็ลดลงตามไปด้วย นอกจากนี้เรายังพบอีกว่าก่อนหน้าที่จะมีการบังคับใช้กฎหมายก็ยังคงมีร้านค้าที่มีจิตสำนึกทางสังคมที่ไม่ขายเหล้าในวันพระอยู่แล้ว ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี และเมื่อวันนี้มีกฎหมายบังคับใช้แล้วก็หวังว่าร้านค้าบางส่วนที่ยังเล็งเห็นแต่รายได้ของตน คงจะร่วมมือกันทำให้สังคมดีขึ้น เพราะโทษก็แรง คือจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
“ต่อจากนี้หากบรรดาร้านค้าทั่วประเทศให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามเป็นอย่างดี เราก็จะเร่งรณรงค์ผลักดันขยายไปให้ได้ในทุกวันพระธรรมดาด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ทาง สคล.เองก็เคยเสนอเพื่อให้ปรับกฎหมาย แต่ก็ถูกปฏิเสธ เนื่องจากหลายฝ่ายเกรงว่าจะมีผลกระทบทางเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ซึ่งจากผลการวิจัยทั้งในและต่างประเทศระบุชัดเจนว่าไม่เป็นความจริง เพราะผู้ที่มาเที่ยวเมืองให้เหตุผลหลักคือเรื่องของวัฒนธรรม ธรรมชาติ ไม่ใช่เพราะจะมาดื่มเหล้าแต่อย่างไร อีกทั้งจากการสำรวจในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา กว่า 80 % ยังคงตอบว่าหากประเทศไทยไม่ขายเหล้าก็ยังคงมาเที่ยวอยู่ดี เพราะผู้ที่มาเที่ยวก็ไม่ได้เป็นสิงห์นักดื่มกันหมด และประเทศไทยเราก็ไม่ได้มีน้ำอย่างเดียวที่ขาย ยังมีน้ำอย่างอื่นที่มีประโยชน์ขายอีกมากมาย และในมุมกลับกัน จะถือเป็นการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ที่เป็นน้ำผลไม้ไทยๆ ของท้องถิ่น ยังน่าจะมีประโยชน์ทางเศรษฐกิจมากกว่าด้วยซ้ำ” สงกรานต์กล่าว
ผอ. สคล.ยังกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า ยิ่งวันวิสาขบูชาในปีนี้ ถือเป็นปีที่สำคัญเพราะเป็นปีเข้าสู่ 2600 ปีที่เป็นการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ก็น่าเอาโอกาสนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่คนไทยจะตระหนักว่า คนส่วนใหญ่ในสังคมไทยเป็นผู้นับถือศาสนาพุทธ ก็น่าจะเอาหลักธรรมคำสอนของท่านมาใช้จริงในชีวิตประจำวัน อย่างน้อยก็ศีล 5 ที่ถือเป็นศีลขั้นพื้นฐานขั้นต่ำของชาวพุทธที่ควรปฏิบัติ และในข้อ 5 ก็ห้ามดื่มของมึนเมาอยู่แล้ว เราทุกคนจึงน่าจะถือเอาวันวิสาขบูชาในปีนี้มาพลิกฟื้นสังคมไทยให้ดีขึ้น โดยปราศจากน้ำเมา ด้วยการนำหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนามาใช้ในการดำเนินชีวิตเพื่อสังคมเราจะได้ดีขึ้นต่อไป
เมื่อน้ำเมาไม่เคยทำให้ใครดีขึ้น แต่กลับกันกลับทำให้เกิดปัญหาร้ายแรงตามมามากมาย คงถึงเวลาแล้วที่สังคมไทยจะกลับมาให้ความสำคัญและรับผิดชอบต่อสังคมอย่างจริงจัง ด้วยการงดขายเหล้าในวันพระใหญ่และขยายไปในวันพระอื่นๆ โดยไม่ต้องรอกฎหมาย เพราะนั่นอาจไม่ทันกาลแล้วก็ได้
ที่มา:ณัฏฐ์ ตุ้มภู่ Teamcontent www.thaihealth.or.th