ใช้วันครอบครัวดีเดย์บ้านปลอดบุหรี่
หลังมีสัดส่วนเพิ่ม เป็น 44.1%
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เปิดเผยรายงานการวิจัยจากศูนย์วิจัยพฤติกรรมสุขภาพ มหาวิทยาลัยลอนดอน ถึงแนวโน้มบ้านปลอดบุหรี่ในอังกฤษ โดยการสัมภาษณ์เด็กอายุ 4-15 ขวบ ที่ไม่สูบบุหรี่ จำนวน 13,365 คน พร้อมสัมภาษณ์ผู้ปกครอง ร่วมกับการยืนยันด้วยการตรวจสารโคตินิน สารที่บ่งบอกถึงว่ามีการได้รับควันบุหรี่มือสองหรือไม่ ในน้ำลายเด็ก พบว่า ในครอบครัวที่มีผู้ปกครองสูบบุหรี่หนึ่งคน สัดส่วนบ้านปลอดบุหรี่เพิ่มขึ้นจาก 21% ในปี 2539 เป็น 37% ในปี 2550 ในครอบครัวที่ผู้ปกครองทั้งคู่สูบบุหรี่ สัดส่วนบ้านปลอดบุหรี่เพิ่มขึ้นจาก 6% เป็น 21% ในช่วงเวลาเดียวกัน
ในขณะที่ครอบครัวที่ผู้ปกครองไม่สูบบุหรี่ บ้านปลอดบุหรี่เพิ่มจาก 95% เป็น 99% ในผู้ปกครองที่สูบบุหรี่ แต่ไม่สูบในบ้าน เฉลี่ยจะสูบวันละ 8.3 มวน เปรียบเทียบกับผู้ปกครองที่สูบบุหรี่ในบ้านจะสูบวันละ 16.2 มวน การวัดระดับโคตินินในเด็กที่บ้านปลอดบุหรี่มีค่าเท่ากับ 0.22 นาโนกรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร เทียบกับระดับ 1.67 นาโนกรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร ในบ้านที่มีการสูบบุหรี่ คณะผู้วิจัยสรุปว่าบ้านปลอดบุหรี่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอังกฤษในช่วงสิบปีที่ผ่านมา และเด็กๆ ในบ้านปลอดบุหรี่ได้รับควันบุหรี่มือสองลดลง แม้ทางการอังกฤษจะออกกฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะและที่ทำงานเข้มงวดขึ้น ลบล้างความเชื่อที่กล่าวอ้างว่า กฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะจะทำให้คนสูบบุหรี่ในบ้านมากขึ้น
ในส่วนของประเทศไทย แนวโน้มบ้านปลอดบุหรี่ก็มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 14.24% ในปี พ.ศ.2544 เป็น 44.1% ในปี พ.ศ.2550 แต่การสำรวจในปี พ.ศ.2552 ยังพบว่า มีคนไทยอายุมากกว่า 15 ปี 20.5 ล้านคนที่ได้รับควันบุหรี่มือสองในบ้าน จึงเชิญชวนให้ทุกคนช่วยกันทำบ้านให้ปลอดบุหรี่เริ่มตั้งแต่วันครอบครัว 14 เมษายนปีนี้ ซึ่งจะลดอันตรายของควันบุหรี่มือสองในครอบครัว ลดโอกาสติดบุหรี่ของลูก ทำให้ผู้สูบบุหรี่เองสูบน้อยลงและเพิ่มโอกาสที่จะเลิกบุหรี่ได้สำเร็จด้วย ผู้ที่สนใจสื่อบ้านปลอดบุหรี่ติดต่อขอได้ที่มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ โทร.0-2278-1828 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.ashthailand.or.th
ที่มา : มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
update:09-04-53
อัพเดทเนื้อหาโดย: ณัฏฐ์ ตุ้มภู่