ใช้ยาคุมกำเนิดผิด เสี่ยงหลอดเลือดตีบ
ทุกปีทั่วโลกมีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองมากกว่า 15 ล้านคน พิการถาวร 5 ล้านคน เสียชีวิตอีก 5 ล้านคน โดย 2 ใน 3 อยู่ในประเทศที่กำลังพัฒนา
เมื่อไม่นานมานี้ โถงอาคาร 100 ปี สมเด็จพระศรีนครินทร์ โรงพยาบาลศิริราช ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวระหว่างเป็นประธานเปิดงาน “โรคหลอดเลือดสมอง ตระหนัก ลดเสี่ยง เลี่ยงอัมพาต” เนื่องในวันโรคหลอดเลือดสมองโลก ว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ประมาณว่าทุกปีทั่วโลกมีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองมากกว่า 15 ล้านคน พิการถาวร 5 ล้านคน เสียชีวิตอีก 5 ล้านคน โดย 2 ใน 3 อยู่ในประเทศที่กำลังพัฒนา
สำหรับประเทศไทยพบว่า โรคหลอดเลือดสมองมีอัตราการเสียชีวิตเป็นอันดับที่ 3 รองจากโรคมะเร็งและโรคหัวใจ คาดว่าในปี 2559 จะมีผู้สูงอายุที่ป่วยจากโรคหลอดเลือดสมองหรืออัมพฤกษ์ อัมพาต ประมาณ 995 คนต่อประชากร 100,000 คน หากประมาณการผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง 0.5 ล้านคน จะต้องเสียค่ารักษาประมาณ 20,632 ล้านบาทต่อปี เรียกได้ว่าผู้ป่วยตายและพิการจากโรคนี้เป็นจำนวนมาก
การป้องกันเป็นทางเลือกที่ดีกว่า คือการให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไป ศิริราชจึงจัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้นระหว่างวันที่ 29-31 ตุลาคม 2557 เพื่อให้ความรู้ในการป้องกันตัวเองจากโรคหลอดเลือดสมอง รวมถึงมีบริการตรวจคัดกรองความเสี่ยงของโรค การตรวจอัลตราซาวนด์หลอดเลือดสมองในผู้ที่มีความเสี่ยง เป็นต้น
รศ.นพ.ยงชัย นิละนันท์ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า สมองเป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุด เนื่องจากทำหน้าที่ควบคุมการทำงานส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยในสมองจะประกอบด้วยหลอดเลือดที่เป็นเส้นเลือดใหญ่และเส้นเลือดฝอย หากเส้นเลือดเหล่านี้ตีบ ตัน หรือแตก จะส่งผลต่อร่างกายทันที ซึ่งหากมาพบแพทย์ไม่ทันเวลา ก็อาจอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้
ด้าน สาเหตุหลักของการเกิดโรคก็คือ การเพิกเฉยต่ออาการหรือสัญญาณเตือนของร่างกาย เช่น ตาพร่ามัว ชาครึ่งซีก ปากเบี้ยว แขนขาอ่อนแรง พูดลำบาก ซึ่งมักจะเกิดในระยะเวลาสั้นๆ ทำให้คนส่วนมากมองข้ามไป
“ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน การบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง ภาวะน้ำหนักเกิน สูบบุหรี่ ขาดการออกกำลังกาย ถือเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงเกิดสมองขาดเลือดจากการตีบตันได้ นอกจากนี้ คนที่ใช้ยาก็ยังเป็นตัวกระตุ้น อาทิ สารเสพติดต่างๆ เช่น แอมเฟตามีน เฮโรอีน รวมไปถึงยาคุมกำเนิด เนื่องจากเมื่อใช้แล้วจะทำให้เลือดข้นขึ้น เพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการอุดตันในหลอดเลือด ดังนั้น ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดหลอดเลือดสมองตีบ อุดตัน รวมไปถึงผู้ป่วยไมเกรนควรระมัดระวังในการใช้ยา และควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาทุกครั้ง ซึ่งหากลดความเสี่ยงก็จะลดการเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้ถึง 80-90%”
รศ.นพ.ยงชัย กล่าวว่า การรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองให้ได้ผลดีขึ้นอยู่กับเวลา คือยิ่งรับการรักษาเร็วเท่าไร โอกาสหายเป็นปกติจะมาก ซึ่งการรักษาที่ได้ผลดีคือการให้ยาสลายลิ่มเลือดแก่ผู้ป่วยภายในเวลา 3 ชั่วโมงหลังเกิดอาการ จะเพิ่มโอกาสการฟื้นตัวจากความพิการให้กลับมาใกล้เคียงปกติ 1.5 – 3 เท่า ทั้งนี้ ศิริราชเตรียม ตั้งศูนย์หลอดเลือดสมองเฉียบพลันขึ้นเพื่อดูแลเป็นพิเศษ โดยมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากแผนกต่างๆ ทั้งอายุรแพทย์โรคสมอง ความดัน เวชศาสตร์ฟื้นฟู ศัลยแพทย์ รวมไปถึงนักกายภาพบำบัด นักสังคมสงเคราะห์มาร่วมกันทำงานเพื่อดูแลผู้ป่วยโดยเฉพาะ ถือเป็นการดูแลแบบสหสาขาวิชาชีพ
ที่มา : เว็บไซต์มติชนออนไลน์
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต