โรงเรียนเข้มแข็ง: เยี่ยมบ้านอย่างมีคุณภาพ

 

โรงเรียนเข้มแข็ง: เยี่ยมบ้านอย่างมีคุณภาพ          โรงเรียนวัดสุขกร เป็นโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัด สพท.สมุทรปราการ เขต 1 จัดการศึกษาระดับปฐมวัยจนถึงระดับ ม.ต้น มีนักเรียน 645 คน ครู 22 คน ผู้อำนวยการโรงเรียน คือ นายวรพงษ์ หาญเขตต์ โรงเรียนได้ตอบสนองความคาดหวังของผู้ปกครอง คือ “ฝากลูกฝากหลานด้านนะครู พ่อแม่มันทิ้งไว้ให้ฉันดูแล ฉันก็รับจ้างไปวันๆ รายได้น้อย” และ “คุณครูคะ ช่วยดูแลลูกหนูด้วย เกเรเหลือเกิน เรียนก็ไม่เอาเรื่อง” สะท้อนให้เห็นว่า ผู้ปกครองคาดหวังให้โรงเรียนช่วยเหลือนักเรียนในหลายๆ ด้าน ทั้งในด้านการเรียน ความประพฤติ สุขภาพ และทุนการศึกษา ซึ่งโรงเรียนก็ตระหนักถึงภาระหน้าที่ดังกล่าว

 

          ที่ผ่านมาโรงเรียนมีวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศเรื่อง “สังคมอภิบาล ประสานสัมพันธ์” ในระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนซึ่งพบว่าการเยี่ยมบ้านเป็นความสำเร็จที่ทำให้โรงเรียนสามารถช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาเด็กกลุ่มเสี่ยงได้ทันการณ์ มูลนิธิ สวร.ได้มีโอกาสสังเกตการจัดการความรู้โดยใช้เรื่องเล่าเร้าพลัง (story telling) ซึ่งกำหนดประเด็นความสำเร็จ (knowledge vision : kv) ว่า “วิธีการเยี่ยมบ้านที่มีคุณภาพ” และได้ผลสรุปเป็นแก่นและขุมความรู้ เป็นวิธีปฏิบัติ 3 ขั้นตอน คือ

 

          ขั้นตอนที่ 1 รู้ปัญหานักเรียนก่อนไปเยี่ยมบ้าน ได้แก่การสังเกตพบสภาพไม่ปกติของนักเรียน แล้วศึกษาข้อมูลทั้งในด้านผลการเรียน และพฤติกรรม จากเอกสารต่างๆ และการพูดคุยกับเด็กเอง ครูคนอื่นๆ และเพื่อนนักเรียนของเขา ขั้นตอนที่ 2 ช่วงเวลาไปเยี่ยมบ้านให้กำหนดเวลาล่วงหน้าก่อนที่ปัญหาจะลุกลามจนแก้ไม่ทันการณ์ และเมื่อเยี่ยมถึงบ้านต้องพยายามค้นพบสาเหตุของปัญหาที่แท้จริงจากผู้ปกครองหรือผู้เกี่ยวข้องใกล้ชิดเด็กให้มากที่สุด และ ขั้นตอนที่ 3 นำผลการเยี่ยมบ้านมาใช้แก้ไขปัญหาทันทีโดยคำนึงถึงการแก้ปัญหาเร่งด่วนก่อน การแก้ปัญหาวิกฤตที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิตนักเรียนร่วมกับผู้ปกครอง และการส่งต่อข้อมูลให้ครูประจำชั้นหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง ร่วมดูแลช่วยเหลือ

 

          ก่อนที่คณะครูประจำชั้นจะสรุปเป็นแก่นความรู้และนำไปใช้ในระบบได้นั้น มีข้อมูล ที่คุณครูบางคนเล่าสู่กันฟังถึงวิธีค้นพบปัญหาและสภาพที่แท้จริงจากการไปเยี่ยมบ้าน เช่น ครูสอนคอมพิวเตอร์เล่าว่า : “ผมสังเกตพบว่าเด็กคนหนึ่งไม่ตั้งใจเรียนและมีท่าทางไม่อยากมาโรงเรียน จึงพูดคุยกับเด็กพบว่าครอบครัวแตกแยก และเมื่อไปเยี่ยมที่บ้านก็พบว่าเด็กอยู่กับยายที่มียากจนจริงๆ ไม่มีเวลาดูแลเด็ก” “คุณครูอีกคนหนึ่ง เล่าว่า “ฉันพบนักเรียนคนหนึ่งมาสมัครเรียนด้วยตนเองโดยไม่มีผู้ปกครองมาด้วย ใส่เสื้อผ้ายับยู่ยี่เหมือนไม่ได้รีด …ฉันว่าที่บ้านคงไม่มีเตารีด เมื่อ เรียกเด็กมาคุยก็พบว่าไม่มีจริงๆ …เมื่อเด็กเข้ามาเรียนแล้วฉันไปเยี่ยมบ้านซึ่งอยู่ไกลมาก เด็กต้องเดินทางโดยเรือ ขี่จักรยานและเดินต่อมายังโรงเรียนพ่อมีอาชีพรับจ้าง และแม่ไม่มีงานทำ…” ใน 2 กรณีนี้ ทางโรงเรียนได้จัดทุนการศึกษาให้ และจัดซื้อของใช้ที่จำเป็น เช่น เตารีดให้เด็ก”

 

          คุณครูคนต่อมาพบว่า “เด็กมีพฤติกรรมการทำงานต่ำกว่าวัย ชอบลอกงานเพื่อน ทำงานช้า อ่านหนังสือไม่คล่อง ขาดเรียนบ่อย เมื่อตรวจสอบผลการเรียนจากครูประจำชั้น และสืบดูระเบียนสุขภาพ พบว่าเด็กประสบอุบัติเหตุ เคยตกจากที่สูงเมื่อไปเยี่ยมบ้านพบว่าครอบครัวแตกแยก ยากจน ดูบ้านเรือนโทรมมาก แต่พ่อแม่พยายามดูแลเอาใจใส่เด็ก คุณครูอีกคนหนึ่งเล่าว่า “เด็กคนนี้ฉันสังเกตุว่าผู้ปกครองไม่เคยมาโรงเรียนเลยสักครั้ง แม้แต่วันมอบตัว ดูแต่งตัวมอมแมมยากจนมาก …เมื่อไปเยี่ยมบ้าน เด็กพามุดเข้าไปใต้ถุนบ้านมีประตูไม้เก่าๆ และไม่ลากแม่ซึ่งเมามายให้ลูกขึ้นจากที่นอนมาพบครู เด็กมีพี่ชายที่ขาพิการอีก 1 คน แม่ไม่มีงานทำ ต้องอาศัยญาติๆ เผื่อแผ่ให้อาหารและที่อยู่อาศัย”

 

          ในกรณีการนำผลการเยี่ยมบ้านมาใช้แก้ปัญหา “ด้านสุขภาพของเด็กทางโรงเรียนได้ประสานกับผู้ปกครองให้นำนักเรียนไปรับการวินิจฉัยความสามารถด้านสติปัญญา (iq) ที่โรงพยาบาลยุวประสาทไวทโยปถัมภ์ และได้รับการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง และครูประจำชั้นพูดคุยให้สติและกำลังใจกับผู้ปกครองที่เมาสุราให้เห็นความจำเป็นในการดูแลเด็กให้เรียนจบหลักสูตรเพื่อเป็นคนดีและมาเลี้ยงดูแม่ต่อไป”

 

          การจัดการความรู้ในระบบต่างๆ นั้น โรงเรียนอาจทำได้ 2 แบบ คือ จัดการความรู้ในกลุ่มครูสายชั้นแต่ละระดับและการจัดกลุ่มเฉพาะเรื่องผู้ที่ประสบความสำเร็จในการจัดการแก้ปัญหาต่างๆ ของเด็ก เช่น การแก้ปัญหาการเรียน ปัญหาพฤติกรรม ปัญหาด้านสุขภาพ การจัดกิจกรรมทักษะชีวิต การจัดวินัยเชิงบวก และการจัดการชั้นเรียนที่ประสบความสำเร็จ เป็นต้น.

 

          โครงการพัฒนาโรงเรียนเข้มแข็งด้วยการจัดการความรู้ (healthy school by knowledge management)

 

          มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาการเรียนรู้ ชั้น 3 อาคารแก้วเจ้าจอม มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา

          เลขที่ 1 ถนนอู่ทองนอก แขวงวชิระ เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300

          โทร. 02-2448293, 086-3370270 โทรสาร 02-2448294

          สนับสนุนโดย

          สสส. สำนักงานกองทุนและสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ

 

 

 

 

          ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

 

 

 

update 16-07-52

 

 

 

 

อัพเดทเนื้อหาโดย : ฤทัยรัตน์ ไกรรอด

 

Shares:
QR Code :
QR Code