`โรงพักสารภี` สถานีตำรวจมิติใหม่

          นอกจากมีหน้าที่คอยตรวจตรารักษาความสงบ จับกุม และปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายแล้ว สิ่งหนึ่งที่ตำรวจต้องให้ความสำคัญ ไม่น้อยไปกว่าการปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือประชาชนผู้เดือดร้อน ก็คือ การให้ความสนใจกับสุขภาพร่างกายของตนเอง เพราะเชื่อว่าการมีสุขภาพใจ สุขภาพกายที่ดีนั้น จะทำให้ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์สามารถทำงานได้อย่างมีความสุข สามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างเต็มที่ ผลงานก็จะออกมาดี ทั้งยังสามารถดูแลประชาชนได้ดียิ่งขึ้น

/data/content/19535/cms/abehqtuvy289.jpg

          เป็นที่มาของพิธีลงนามความร่วมมือ หรือ MOU “โครงการโรงพักสร้างสุข” ระหว่างสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และสถานีตำรวจภูธรภาค 5 โดยมีตัวแทนจากภาคส่วนต่างๆ อาทิ โรงพยาบาลตำรวจ, โรงพยาบาลดารารัศมี, มหาวิทยาลัยแม่โจ้, มหาวิทยาลัยพายัพ, คณะผู้บังคับบัญชา ภูธรภาค 5, ผู้บัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดทุกแห่งในสังกัด, ผู้บัญชาการอำนวยการ ภูธรภาค 5, ผู้บัญชาการประจำ ภูธรภาค 5 และหัวหน้าสถานีตำรวจที่เข้าร่วมโครงการ ที่ตกลงเซ็นสัญญากันเมื่อเร็ว ๆ นี้

          โครงการโรงพักสร้างสุข เป็นการนำปรัชญา Happy 8 จากแนวคิดองค์กรสุขภาวะหรือ Hapyy Workplace มาประยุกต์ใช้กับนโยบายองค์กรของสถานีตำรวจ ในการจัดกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาวะต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหา ตลอดจนสร้างความตะหนัก จิตสำนึกรัก จนกลายเป็นการสร้างเสริมสุขภาพของตำรวจและครอบครัว เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น

/data/content/19535/cms/bcdegijntuv5.jpg

          นพ.ชาญวิทย์ วสันต์ธนารัตน์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะองค์กร สสส. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า โรงพักเป็นสถานที่ที่ประชาชนเข้าไปใช้บริการเป็นจำนวนมาก รวมทั้งยังเป็นองค์กรที่มีบุคลากรมาก ฉะนั้นถ้าตำรวจมีความพร้อม อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ย่อมสามารถทำหน้าที่ดูแลประชาชนได้ดีขึ้นเช่นกัน

          “หากตำรวจหันมาดูแลใส่ใจกับสุขภาพ นอกจากจะส่งผลดีกับร่างกายตัวเองแล้ว ยังสามารถนำเอาตำรวจมาเป็นต้นแบบ เพื่อจูงใจให้ประชาชนผู้มาใช้บริการที่สถานีตำรวจ นำเอาแบบอย่างที่ดีเหล่านี้กลับไปปฏิบัติได้ การตรวจสุขภาพเป็นประจำนั้นจะให้เกิดผลดี ต้องกลับมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยเมื่อทราบสาเหตุก็ต้องแก้ที่ต้นเหตุ เช่นเดียวกับการสร้างสุขภาวะในองค์กร ที่หมายถึงการหันมาดูแลใส่ใจกันและกันของคนในองค์กร เพราะเมื่อมีบุคลากรที่ดี ก็จะส่งผลให้งานออกมาดี” ผอ.สำนักสนับสนุนสุขภาวะองค์กร สสส. ระบุ

          นพ.ชาญวิทย์ กล่าวต่อด้วยว่า สำหรับการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ คือการนำความรู้ที่มีมาแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน เพื่อนำกลับมาใช้ดูแลกัน โรงพักก็เป็นอีกมิติหนึ่งในการสร้างนวัตกรรมใหม่ของ บ ว ร (บ้าน วัด โรงพัก) ซึ่งเราสามารถทำในสิ่งที่เราอยากทำให้เกิดขึ้นได้ แต่การจะทำให้สิ่งนั้นออกมาดีและประสบความสำเร็จทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันเพื่อขยายออกไปในวงกว้างต่อไป

          ขณะที่ สุจิตต์ ไตรพิทักษ์ คณะกรรมการบริหารแผนที่ 4 (สสส.) บอกว่า ทุกวันนี้ถ้าเรามองถึงเรื่องการพัฒนาสุขภาวะของเจ้าหน้าที่ตำรวจและครอบครัว จุดหมายสุดท้ายคือ ประชาชน เพราะตำรวจมีหน้าที่ทำงานเพื่อประชาชน ซึ่งเราเห็นความสำเร็จของสถานีตำรวจภูธรสารภีอย่างชัดเจน ในเรื่องของการทำให้โรงพักเป็นโรงพักได้อย่างแท้จริง ซึ่งอำเภอสารภีนั้นเป็นอำเภอที่เด่นเรื่องของการเสริมสร้างสุขภาวะโดยเฉพาะการบูรณาการที่สามารถนำองค์ความรู้เข้าสู่ชุมชนได้อย่างทั่วถึง เพราะฝ่ายปกครองทั้งโรงพยาบาล สถานีตำรวจมีความเข้มแข็ง และสามารถจับมือกันเพื่อเป็นต้นแบบให้กับที่อื่นๆ เป็นแบบอย่างที่ดีได้

/data/content/19535/cms/dhjmpqrw1345.jpg          “จากผลสำรวจเมื่อหลายปีที่ผ่านมาก่อนทำโครงการฯพบว่าข้าราชการตำรวจมีพฤติกรรมดื่มเหล้า สูบบุหรี่จัด และมีความเครียดสูง เพราะต้องรับผิดชอบในภาระหน้าที่และทำงานหนัก จนทำให้เกิดความเคยชินในพฤติกรรมดังกล่าว และก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ตามมา รวมทั้งตำรวจกว่า 90% มีโรคประจำตัวอย่างน้อย 2-3 โรค และหลังทำโครงการตัวเลขเหล่านี้ลดลง เหลือเพียง 58%” สุจิตต์ อธิบายเพิ่ม พร้อมกล่าวต่อด้วยว่า ส่วนการขยายไปสู่ชุมชนนั้นเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพราะมองว่าตำรวจมีพลัง อำนาจหน้าที่ และความคาดหวังจากประชาชนในการพึ่งพาเรื่องต่างๆ เช่น ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี ซึ่งถ้าตำรวจเป็นตัวอย่างที่ดีต่อประชาชน เชื่อได้ว่าการที่จะทำให้ชุมชนมีความสุขได้อย่างยั่งยืนก็ไม่ใช่เรื่องยาก”

          ด้าน พลตำรวจโทจงเจตน์ อาวเจนพงศ์ นายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ เผยถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่าทางสถานีตำรวจภูธรภาค 5 จะนำร่ององค์กรตำรวจต้นแบบให้ครบทั้ง 24 สถานีในภาคเหนือ เพื่อพัฒนาสุขภาวะของข้าราชการตำรวจและขยายไปสู่คนในครอบครัวของตำรวจด้วย ซึ่งเชื่อว่าความสำเร็จเหล่านี้จะค่อย ๆ เผยแผ่ออกไปสู่ชุมชน จนสามารถพัฒนาประเทศชาติต่อไปได้อย่างแน่นอน

 

 

          ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

Shares:
QR Code :
QR Code