โรคไมเกรน ปรับพฤติกรรมหลีกเลี่ยงได้

ที่มา : เว็บไซต์เดลินิวส์ออนไลน์


โรคไมเกรน ปรับพฤติกรรมหลีกเลี่ยงได้ thaihealth


แฟ้มภาพ


แม้โรคไมเกรนจะยังไม่มีการยืนยันทางการแพทย์แน่ชัดว่าสาเหตุเกิดจากอะไร แต่ปัจจัยหลักที่เป็นสาเหตุก่อให้เกิดโรคมีทั้ง ปัจจัยภายใน อย่างเช่น สภาพจิตใจ ความเครียด ฮอร์โมน และพันธุกรรม ไปจนถึงปัจจัยภายนอก อย่างเช่น สิ่งแวดล้อม สภาพอากาศ


ปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งเร้าให้เกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรงและยากจะหลีกเลี่ยง จนมีผลกระทบในชีวิตประจำวัน และการทำงานซึ่งยากจะอธิบายให้ใครเข้าใจความเจ็บปวดนี้ได้ เพราะจะไม่เหมือนกับอาการปวดหัวที่คนทั่วไปรู้จัก จึงนำความรู้โรคไมเกรนมานำเสนออีกครั้ง โดย ผศ.นพ.สุรัตน์ ตันประเวช ผู้เชี่ยวชาญโรคปวดศีรษะ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้ความรู้โรคไมเกรน และแนะนำถึงการปฏิบัติตัวที่เหมาะสมต่อไมเกรน


โรคไมเกรน ถูกจัดอันดับให้เป็นโรคที่คนวัยทำงานเป็นกันมาก เป็นโรคที่มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิต มีระดับความรุนแรงปานกลางถึงรุนแรงมาก สามารถเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย แต่พบมากในเพศหญิงมากกว่าเพศชายถึงสามเท่า ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากฮอร์โมน


"แพทย์จะวินิจฉัยไมเกรน จากอาการเป็นหลัก โดยที่ผู้ป่วยมักมีอาการปวดศีรษะตุบ ๆ คล้ายเส้นเลือดเต้น อาจจะปวดเพียงข้างเดียวหรือปวดพร้อมกัน 2 ข้างก็เป็นไปได้ และจะเป็น ๆ หาย ๆ บางรายอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย ซึ่งนั่นอาจทรมานพอ ๆ กับอาการปวดศีรษะ ทั้งนี้มากกว่าร้อยละ 70 ของผู้ป่วยไมเกรนจำเป็นจะต้องได้รับการรักษาอย่างจริงจัง และควรได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ก่อนที่จะรักษาได้ยากขึ้น"


ผศ.นพ.สุรัตน์ กล่าวอีกว่า ปัจจัยที่ทำให้สามารถเป็นโรคไมเกรนมี 2 ปัจจัยหลักคือ ปัจจัยทางพันธุกรรม เช่นหากมีสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคไมเกรน คนใดคนหนึ่งในครอบครัวก็สามารถส่งต่อผ่านทางพันธุกรรมจนเป็นโรคไมเกรนได้ และอีกปัจจัยคือ ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม เช่น สภาพ อากาศ แสง สี เสียง หรือแม้แต่ความร้อน ซึ่งผู้ป่วยไมเกรนมักไวต่อสิ่งแวดล้อม จนอาจมีอาการร่วมด้วย เช่น ตาสู้แสงจ้าไม่ได้ ฯลฯ


โรคไมเกรน หากมีเพียงปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งก็สามารถเป็นได้ และที่สำคัญยังมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จากที่อาการไม่รุนแรง ก็กลับกลายเป็นอาการที่รุนแรงและถี่ขึ้น จนอาจถึงขั้นเรื้อรังและรักษาได้ยากในที่สุด ดังนั้นผู้ป่วยไมเกรนจึงควรหมั่นสังเกตตนเองว่า มีปัจจัยกระตุ้นใดบ้างที่ทำให้เกิดอาการ เนื่องจากแต่ละคนจะมีปัจจัยกระตุ้นที่แตกต่างกัน


"ไมเกรนสามารถรักษาได้ทั้งแบบใช้ยาและไม่ใช้ยา ซึ่งการรักษาแบบไม่ใช้ยา ประกอบไปด้วย การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น นอกจากนี้ยังมีวิธีอื่น ๆ ที่ไม่ใช้ยาเป็นการรักษาเสริม อย่างเช่น การลดความเครียดผ่านวิธีการต่าง ๆ เช่น ออกกำลังกายเพื่อเพิ่มสาร Endorphin หรือ ดนตรีบำบัด และ อโรมาเธอราพี ซึ่งช่วยบำบัดรักษา เพิ่มความผ่อนคลายจากความเครียด"


กว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยไมเกรน ยังปรับพฤติกรรมและหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นไม่เพียงพอ ทำให้โรคไมเกรนกำเริบบ่อยได้ ซึ่งการปฏิบัติตัวที่เหมาะสมต่อไมเกรนได้แก่  ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน น้ำเป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพและการขาดสมดุลน้ำในร่างกาย ทำให้สมองเกิดการปรับตัวที่ผิดปกติ และปวดหัวไมเกรนได้ หลีกเลี่ยงการอดอาหาร การทานอาหารไม่ตรงเวลาทำให้ไมเกรนกำเริบได้ เนื่องมาจากระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดที่ต่ำเกินไปจนมีผลต่อสมองและทำให้เกิดอาการปวดศีรษะขึ้น


หลีกเลี่ยงการรับประทานยาแก้ปวดมากเกินไป หากรับประทานยาแก้ปวดติดต่อกันมากกว่า 3-4 วันต่อสัปดาห์ อาจนำไปสู่อาการปวดศีรษะเนื่องจากการใช้ยาเกินขนาดได้ ดังนั้นหากเริ่มปวดศีรษะบ่อย หรือ ใช้ยาแก้ปวดบ่อยขึ้น ควรต้องปรึกษาแพทย์


พักผ่อนให้เพียงพอและเหมาะสม อาการปวดไมเกรนจะเกิดขึ้นหากผู้ป่วยไม่มีการจัดตารางการนอนให้เหมาะสม ผู้ป่วยส่วนมากอาจเข้าใจว่าโรคไมเกรนเกิดจากการนอนหลับไม่เพียงพอ เท่านั้น แต่ความจริงแล้วการนอนหลับมากเกินไป เช่น เกินกว่า 8-9 ชั่วโมงก็เป็นปัจจัยทำให้เกิดโรคไมเกรนได้


รักษาอาการปวดเฉียบพลันให้ถูกต้อง หากเกิดอาการปวดไมเกรนขึ้น ไม่ควรอดทนและละเลยกับอาการเหล่านั้น ให้รีบหาที่นั่งพัก ซึ่งควรเป็นที่เงียบสงบเพื่อเลี่ยงสิ่งกระตุ้น อาจใช้ผ้าชุบน้ำเย็นวางประคบบนหน้าผาก ทานยาแก้ปวด นอกจากนี้ การนวดศีรษะก็อาจทำให้บรรเทาอาการปวดไมเกรนได้เช่นกัน อีกทั้งจดสิ่งกระตุ้นไมเกรน เช่น อาหาร ฯลฯ  และเพราะโรคไมเกรนมักมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงาน การเรียน อาจต้องขาดงาน ขาดเรียนดื่มบ่อยจนเป็นที่เพ่งเล็ง


ความเข้าใจจากคนรอบข้างจึงสำคัญมาก ทั้งนี้คุณหมอกล่าวอีกว่า ความเข้าใจจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทั้งสองฝ่ายพูดคุยและรับฟังซึ่งกันและกัน ผู้ป่วยควรบอกเล่าถึงอาการที่เกิดขึ้นให้ได้รับรู้ เพื่อสร้างความเข้าใจ ขณะที่คนรอบข้างควรเปิดใจรับฟัง ทำความเข้าใจและให้ความช่วยเหลือในส่วนที่สามารถช่วยได้ เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ และมีความสุขโดยไม่จำกัดแม้ต้องอยู่กับไมเกรน

Shares:
QR Code :
QR Code

ใส่ความเห็น

ระบุข้อความ