“โรคเครียด” ภัยใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม

แนะออกกำลัง ฟังดนตรี ช่วยผ่อนคลายอารมณ์

 

“โรคเครียด” ภัยใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม            จน เครียด กินเหล้าวลีฮิตจากแคมเปญโฆษณาเพื่อการรณรงค์งดดื่มแอลกอฮอล์ ของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ยังคงเป็นคำที่สะท้อนสภาพสังคมไทยได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่สถานการณ์บ้านเมืองเกิดวิกฤติทางการเมืองและเศรษฐกิจเช่นนี้ ทำให้หลายคนต่างตกเป็นทาสของ โรคเครียด โดยไม่รู้ตัว…..

 

            อย่ามองข้าม โรคเครียด”!!!หลายคนอาจมองว่าโรคเครียดเป็นโรคธรรมดา ปวดหัวนิด ๆ หน่อย ๆ กินยาแก้ปวด เม็ดหรือสองเม็ด เดี๋ยวก็หาย…รู้ไว้ซะเลยนะว่า คุณคิดผิด!!!…

 

โรคเครียด แม้ว่าไม่เกิดอันตรายร้ายแรง แต่ผู้ป่วยที่มีอาการเครียด หากไม่รีบรักษา อาจส่งผลทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน อาทิ โรคหัวใจ, โรคความดันโลหิตสูง, โรคหอบหืด, โรคปวดศีรษะไมเกรน เป็นต้น…นอกจากนี้ โรคดังกล่าวยังส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ทำให้ประสิทธิภาพของการทำงานลดลง เพราะโรคเครียด เป็นโรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติทางด้านความกังวล ผู้ป่วยจะมีลักษณะอาการวิตกกังวลมากเกินปกติ บางคนมีอาการนอนไม่หลับ ใจสั่น ตื่นเต้น ตกใจง่าย เหงื่อออกมากผิดปกติ ปวดศีรษะ แน่นหน้าอก แน่นท้อง ชาตามตัว เป็นต้น

 

สาเหตุของโรคเครียดส่วนใหญ่มักเกิดจากภาวะของอารมณ์ที่ผู้ป่วยอยู่ในสถานการณ์ที่น่าหวาดหวั่น น่ากลัว หรือมีภยันตรายต่อร่างกายหรือจิตใจ ทำให้ร่างกายเกิดภาวะเครียด หรือแม้กระทั่งการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง อากาศเสีย น้ำเสีย ฝุ่นละออง การอยู่อย่างแออัดยัดเยียด เพียงเท่านี้ คุณก็สามารถเกิดความเครียดได้แล้ว

 

โดยเฉพาะในช่วงที่มีปัญหาด้านเศรษฐกิจ ส่งผลให้ค่าครองชีพสูง บริษัทยักษ์ใหญ่ปลดคนงาน รวมถึงสถานการณ์บ้านเมืองที่ร้อนแรง ส่งผลให้ประชาชนป่วยเป็นโรคเครียดจำนวนมาก

 

             เกี่ยวกับเรื่องนี้ นพ.พิทักษ์พล บุณยมาลิก ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชนคร เล่าให้ฟังว่า ขณะนี้มีผู้ป่วยด้วยโรคเครียดเพิ่มขึ้นจนน่าเป็นห่วง เฉพาะเดือน ส.ค. มีผู้ป่วยเข้ามารักษา 2,922 คน มีผู้ป่วยใหม่ 222 คน เฉลี่ยมีผู้ป่วยจากเดิมวันละ 90 คน เพิ่มเป็นวันละ 150 คน!!!

 

            คุณมีอาการเหล่านี้หรือไม่ ?…

 

            ปวดศีรษะเป็นประจำ โดยอาจปวดข้างเดียว ปวดท้ายทอย ปวดกระบอกตาและบริเวณหัวคิ้ว มีผื่นแดงตามผิวหนัง มีอาการคันตามคอ หลัง หรือลำตัว มือเท้าเย็นเป็นประจำ นอนกัดฟัน นอนกรน ปวดหลัง ปวดคอ ปวดไหล่ ความต้านทานโรคต่ำ เช่น เป็นหวัดง่าย ท้องเสียง่าย ระบบขับถ่ายและระบบย่อยอาหารผิดปกติ มีอาการปวดท้อง อาเจียน อาหารไม่ย่อย ท้องอืด ท้องผูก มีความกังวลสูงและร้อนรนในการที่จะต้องทำงานให้เสร็จ หัวใจผิดปกติ อาจมีการหายใจสั้นๆ หรือหัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ นอนไม่หลับเป็นประจำ หรือต้องใช้ยานอนหลับ เป็นผู้ย้ำคิดย้ำทำ จำไม่ได้ว่าทำไปแล้วหรือยัง ต้องคอยตรวจสอบอยู่บ่อยๆ

 

            ถ้าคุณมีอาการดังที่กล่าวมา จงรู้ไว้ว่า คุณได้ป่วยเป็นโรคเครียดแล้ว!!!

 

            การรักษาโรคเครียดแบบผิดๆ!!!การแก้ปัญหาเมื่อเกิดความเครียด มีด้วยกันหลายวิธี แต่หลายคนมักเลือกที่ใช้วิธีการรักษาแบบผิด ๆ เมื่อเกิดอาการเครียด โดยเลือกที่จะดื่มเครื่องดื่มเหล้า หรือสูบบุหรี่ ด้วยความเชื่อที่ว่า เหล้า บุหรี่ ช่วยผ่อนคลายใจชั่ววูบหนึ่ง” …แต่หารู้ไม่ว่า!!!เพียงแค่คุณได้สัมผัสกับแอลกอฮอล์และควันบุหรี่ เท่ากับว่า คุณได้เปิดประตูต้อนรับโรคร้ายอย่าง มะเร็ง เข้ามาสู่ร่างกายคุณโดยไม่รู้ตัว

 

            ข้อมูลจากร้านขายยาทั่วไป ยืนยันถึงยอดขายยาพาราเซตามอล ทั้งที่อยู่ในรูปแบบของยาสำเร็จรูป ซึ่งมีสรรพคุณว่าเป็นยารักษาไข้หวัดและบรรเทาปวด รวมถึงยาพาราเซตามอลทั่วไป ว่ายอดขายในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา มียอดเพิ่มสูงขึ้นอยู่ที่ประมาณ 15-20% จากปกติ และเมื่อเทียบกับปีก่อน ที่ในช่วงฤดูหนาวจะมียอดขายเพิ่มขึ้นเพียง 10% ซึ่งยอดขายที่สูงขึ้นในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่น้ากังวลใจถึงอันตรายจากการใช้ยาเกินขนาด รวมถึงการใช้ยาพาราเซตามอลที่อาจะเป็นพฤติกรรมที่นำไปสู่การติดที่จะต้องบริโภคต่อเนื่อง

 

            ด้าน นพ.วศิน บำรุงชีพ จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสุราและยาเสพติด โรงพยาบาลมนารมย์ เปิดเผยว่า สุขภาพจิตของคนไทยในปี พ.ศ.2552 มีแนวโน้มจะแย่ลง เพราะสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่แน่นอน บวกกับสภาพเศรษฐกิจที่เข้าขั้นวิกฤติ ส่งผลทำให้คนไทยป่วยเป็นโรคเครียด ซึมเศร้า วิตกกังวล และที่น่าเป็นห่วงมากในขณะนี้ เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ คนว่างงานไม่มีอาชีพ ทำให้หันมาขายยาเสพติด เช่น ยาบ้า การปราบปรามที่ไม่ต่อเนื่อง เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองบ่อย ทำให้นโยบายการปราบปรามไม่ต่อเนื่อง ยาเสพติดจึงอาจกลับมาระบาดได้ง่าย

 

            ทำอย่างไรให้พ้นภัยโรคเครียด!!!…โรคเครียดเป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ เพียงคุณรู้จักจังหวะในการดำเนินชีวิต ไม่เคร่งเครียดจริงจังเกินไป รู้จักทำจิตใจให้สงบ ด้วยการสวดมนต์ ทำสมาธิ หาเวลาว่างไปทำบุญ หรือทำกิจกรรมพร้อมกับครอบครัว รู้จักแบ่งเวลาทำงานและเวลาผ่อนคลาย ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน สร้างสุขด้วยเสียงดนตรี และพักผ่อนหย่อนใจ จะช่วยทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย และมีความสุขกับการดำเนินชีวิตต่อไปได้โดยปราศจากโรคเครียดมารบกวนจิตใจ

 

การป้องกันโรคเครียดที่ดีที่สุด คือ การออกกำลังกาย ดังเช่นที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้เน้นและย้ำมาตลอดนั่นเองว่า แค่ขยับเท่ากับออกกำลังกายอย่าปล่อยให้คำว่า ไม่มีเวลามาพรากสุขภาพที่ดีไปจากคุณ เริ่มออกกำลังกายเสียตั้งแต่วันนี้ก่อนที่จะสายเกินไป….

 

 

 

 

 

ที่มา : อารยา สิงห์สวัสดิ์ Team content www.thaihealth.or.th

 

 

Update : 02-12-51

อัพเดทเนื้อหาโดย อารยา สิงห์สวัสดิ์

Shares:
QR Code :
QR Code