โรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้

ที่มา: มูลนิธิหมอชาวบ้าน


โรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ thaihealth


แฟ้มภาพ


โรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ (atopic dermatitis) เป็นโรคผิวหนังเรื้อรังที่ไม่ใช่โรคติดต่อ มักเริ่มพบในวัยเด็ก โดยพบประวัติภูมิแพ้ในครอบครัวได้ถึงร้อยละ 70 เช่น ประวัติว่าพ่อแม่เป็นหืดหอบ ลมพิษ หรือน้ำมูกไหลเพราะแพ้อากาศ โรคนี้แบ่งลักษณะตามช่วงอายุได้เป็น 3 ช่วง


ช่วงวัยทารก


เริ่มมีอาการคันและผื่นขึ้นตั้งแต่อายุประมาณ 6-8  สัปดาห์ อาการคันอาจเป็นมากจนเด็กอายุถึง 2 ขวบ พบเป็นผื่นที่แก้มทั้ง 2 ข้าง หรือตามด้านนอกของแขน ขา ลำตัว ผื่นคันอาจเห่อขึ้นเมื่อเด็กฉีดวัคซีน เมื่อเด็กมีอาการผื่นคันอยู่แล้วจึงต้องระมัดระวังในการฉีดวัคซีน หรือควรปรึกษาแพทย์เสียก่อน


ช่วงวัยเด็ก


ผื่นผิวหนังในช่วงวัยเด็กมักเป็นตามข้อแขนข้อพับและขา ผื่นจะแดง คลำดูได้หนากว่าปกติ อาการคันอาจเป็นรุนแรงมาก จึงทำให้เด็กหงุดหงิดรำคาญ


ช่วงวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่


พบว่าโรคผิวหนังภูมิแพ้ในวัยทารกและวัยเด็กอาจหายไปเองใน 2-3 ปี แต่กลับมากำเริบอีกครั้งในวัยรุ่น อาจมีอาการคันอย่างมาก อาการคันมักกำเริบตอนกลางคืน ผื่นคันมักเป็นตามข้อพับ แขน ขา ใบหน้า หัวไหล่ และด้านบน


แนวทางการปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยโรคผิวหนังภูมิแพ้


1. ไม่ควรใช้สบู่มากเพราะผิวหนังในโรคนี้แห้งมากอยู่แล้ว ถ้าจะใช้ให้ใช้สบู่อ่อนหรือสบู่ที่มีไขมันสูง ชำระล้างบริเวณที่สกปรกเท่านั้น ไม่ควรขัดฟอกแรงๆ ไม่ควรนอนแช่ในอ่างอาบน้ำ  ใช้ขันตักอาบหรืออาบน้ำฝักบัวจะดีกว่า ไม่ควรอาบน้ำร้อนจัด  การเช็ดตัวให้ใช้วิธีซับ ไม่ควรเช็ดหรือถูแรงๆ ไม่ควรใส่เสื้อผ้าขนสัตว์ที่หนา  ควรใส่เสื้อผ้าฝ้ายทอโปร่งๆ  ให้พยายามระงับสติอารมณ์ไว้  อย่าเครียดอย่าเกาบริเวณที่คัน  ไม่ควรเลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่มีขน เช่น สุนัขและแมว  ไม่มีสุนัขพันธุ์ใดที่ไม่กระตุ้นโรคภูมิแพ้


ความเข้าใจที่ว่าโรคภูมิแพ้เกิดจากขนสุนัขนั้นผิด ที่จริงสารก่อภูมิแพ้ในสุนัขนั้นคือโปรตีนที่อยู่ในเศษขี้ไคล น้ำลาย และฉี่ ซึ่งสุนัขทุกตัวมีโปรตีนเหล่านี้  คนที่เป็นโรคภูมิแพ้ที่ต้องการเลี้ยงสุนัขจริงๆ  อาจต้องปรึกษาแพทย์  และไม่ควรให้สุนัขเข้าห้องนอน ควรอาบน้ำให้สุนัขทุกสัปดาห์  ไม่ควรใช้พรมปูพื้นเพราะทำความสะอาดยาก     


2.เก็บตุ๊กตายัดนุ่นและตุ๊กตาที่มีขนปุยออกไปให้หมด รวมถึงหมอนที่ยัดด้วยขนนก  ควรอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝุ่นละออง สารเคมีจากโรงงานอุตสาหกรรม ควันไอเสีย สเปรย์ น้ำมัน เพราะสารเหล่านี้กระตุ้นให้ผื่นผิวหนังกำเริบได้      


 3.ระวังไม่ให้เป็นหวัดหรือโรคติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจอื่นๆ เพราะการอักเสบติดเชื้อเหล่านี้ทำให้ความต้านทานของผิวหนังต่ำลงและผิวหนังอักเสบกำเริบง่ายขึ้น  พยายามไม่เข้าใกล้คนที่เป็นเริม เพราะผู้ป่วยที่มีผิวหนังอักเสบจากโรคผิวหนังภูมิแพ้อยู่แล้วอาจได้รับเชื้อไวรัสเริม และเกิดการติดเชื้อเริมลุกลามได้มาผิดปกติ


4. พยายามควบคุมและระงับสติอารมณ์ไว้  อย่ามีความเครียดมากเกินไป พบได้บ่อยว่าผื่นผิวหนังกำเริบเมื่อผู้ป่วยเครียด  พ่อแม่ผู้ปกครองเด็กก็ต้องไม่เครียดและวุ่นวายมากเกินควร  พยายามอย่าเกาบริเวณที่คัน เพราะการเกาผิวหนังทำให้ผิวหนังถลอก และเกิดการอักเสบติดเชื้อแบคทีเรียตามมาได้


5. ผู้ป่วยโรคนี้และผู้ปกครองต้องเข้าใจว่า แม้ว่าโรคนี้จะก่อให้เกิดความน่ารำคาญเพียงใดก็ตาม โรคนี้ไม่ใช่โรคร้ายแรงถึงชีวิต  จึงควรยอมรับสภาพความเป็นจริงที่จะมีชีวิตอยู่กับโรคนี้ให้ได้ พยายามมองในแง่ดีว่าโรคนี้ในที่สุดมักจะดีขึ้นเมื่อมีอายุสูงขึ้น


6. ถ้าอาการคันและผื่นผิวหนังอักเสบกำเริบมาก ควรพบแพทย์ผิวหนังซึ่งอาจให้ยาบางชนิดมากินและทาเพื่อลดอาการคัน ทำให้เกาน้อยลง  ผื่นผิวหนังอักเสบจะดีขึ้น

Shares:
QR Code :
QR Code