“โรคประหลาด” แต่หายได้โดยไม่ต้องพึ่งยา

ออกกำลังกาย กินผัก ต้านได้

 

“โรคประหลาด” แต่หายได้โดยไม่ต้องพึ่งยา

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ!!! โรคประหลาด บวมทั้งตัวตั้งแต่แขน ขา ถึงอวัยวะเพศ มีโรคแบบนี้ด้วยหรือ?? คำถามนี้คงเกิดขึ้นในใจใครหลายคน หลังจากที่รายการโทรทัศน์ชื่อดังแพร่ภาพออกอากาศเรื่องราวนี้ไป ทำเอาหลายคนเกิดความวิตก หวาดกลัวว่าตนเองจะเป็นโรคอะไรแปลกๆ แบบอีกหรือไม่

เพราะมันสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนหากคุณไม่ระวัง!!!

 

            โรคประหลาดที่ว่านี้ มีชื่อทางการแพทย์ว่า “โรคบวมน้ำเหลือง” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “โรคเท้าโต” เกิดจากน้ำเหลืองที่มีอยู่ตามแขน ขา ไหลไม่สะดวก เกิดภาวะคั่งอยู่ภายใน เนื้อเยื่อพองออก โดยจะปรากฏร่วมกับการขยายตัวและการแพร่พันธุ์ของหลอดน้ำเหลือง จนตัวมีลักษณะบวมมากขึ้น มักจะเกิดขึ้นบ่อยที่แขน ขา ใบหน้า หน้าท้อง เต้านม สะโพก ไปจนถึง ถุงอัณฑะ แคมอวัยวะเพศ ซึ่งโรคนี้มักถูกมองว่าเป็นการอุดตันของต่อมน้ำเหลือง จึงทำให้เชื่อกันว่าไม่มีทางรักษาให้หายได้…

 

            แต่ปัจจุบันมีผู้คิดค้นวิธีรักษาโดยไม่ต้องพึ่งยาได้แล้ว!!! และถือเป็นบุคคลแรกของโลกที่สามารถรักษาโรคประหลาดนี้ได้ นั่นคือ นพ.ดร. วิชัย เอกทักษิณ หัวหน้าโครงการวิจัยถ่ายทอดเทคโนโลยีการรักษาภาวะบวมน้ำเหลือง ภาควิชาอายุรศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล

 

            โดย นพ.ดร.วิชัย ได้กล่าวเกี่ยวกับเรื่องว่า “โรคบวมน้ำเหลือง” นี้มีโอกาสเป็นได้ทุกคน เพราะทุกคนล้วนมีต่อมน้ำเหลือง โดยประมาณ 300-500 ต่อม อยู่ตามขาหนีบ ซอกคอ รักแร้ ลำตัว ช่องท้อง ฯลฯ ซึ่งหากต่อมน้ำเหลืองถูกรบกวน เช่น หากการผ่าตัดอะไรก็ตาม ไปถูกต่อมน้ำเหลืองก็จะทำให้น้ำเหลืองไหลช้า และมีโอกาสที่น้ำเหลืองจะคั่ง เสี่ยงต่ออาการบวมน้ำเหลืองได้ แม้กระทั่งการมีบาดแผล หรือถูกยุงกัด ก็มีโอกาสทำให้ต่อมน้ำเหลืองอักเสบได้เช่นกัน

 

            …โรคนี้สามารถจำแนกประเภทออกได้เป็น 3 ประเภท ด้วยกันคือ การบวมน้ำเหลืองปฐมภูมิ  เป็นการบวมที่เกิดขึ้นของมันเอง ได้แก่ บวมน้ำเหลืองแต่กำเนิด ปานแดงระยางค์โตหลอดเลือดขอด บวมน้ำเหลืองกรรมพันธุ์ ดีซ่านบวมน้ำเหลือง บวมน้ำเหลืองวัยต้น แสลงนมขวด / อาหาร เริ่มจากบาดเจ็บเล็ก ๆ เช่น แมลงกัด เท้าแพลง หกล้ม บวมน้ำเหลืองวัยหลัง และเริ่มบวมหลังอายุ ๓๕ ปีไปแล้ว

 

            การบวมน้ำเหลืองทุติยภูมิ เป็นอาการบวมที่เกิดหลังเหตุการณ์ต่างๆ หรือเกิดตามโรคอื่น ได้แก่ เกิดหลังศัลยกรรม หรือทำรังสีบำบัด เช่น หลังผ่ามะเร็งเต้านม มดลูก ผ่าตัดต่อมน้ำเหลือง หรือเกิดหลังการติดเชื้อหนอนพยาธิฟิลาเรีย เรียกว่า โรคเท้าช้าง แต่โรคนี้มีจำนวนน้อยแล้วในประเทศไทย แต่ยังชุกชุมมากระดับโลก เช่น บังคลาเทศ อินเดีย หลายประเทศแถบแอฟริกา และอเมริกาแปซิฟิค และการบวมน้ำเหลืองระนาบลึก ซึ่งมองจากภายนอกอาจไม่รู้เลยว่าบวม และอาจมีการบวมไขมันร่วม ซึ่งเมื่อลุกก็จะมีอาการเจ็บ หรือจะนั่งก็มีอาการเช่นกัน หากกดจุด ก็จะเจ็บหรือปวดร้าวตามแนวน้ำเหลือง เหมือนปวดเส้นปวดกล้ามเนื้อแบบเรื้อรัง

 

โรคบวมน้ำเหลืองไม่ว่าประเภทไหน มักมีปัจจัยเสี่ยงร่วมกัน บางครั้งจำแนกประเภทได้ไม่ชัดเจน เพราะบางครั้งอาจมีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เหล่านี้ เช่น ผู้ป่วยเป็นโรคของหลอดเลือดแดง เช่น มีปานแดง เนื้องอกหลอดเลือด เป็นโรคของหลอดเลือดดำ เช่น หลอดเลือดดำอักเสบ หลอดเลือดดำขอด หลอดเลือดดำหย่อน ลิ่มเลือดดำลึก ใต้ผิวหนังอักเสบ บวมไขมัน โรคอ้วน โรคท้าวแสนปม งูกัด แมลงต่อย ไม้ตำ สะดุดหิน อุบัติเหตุรถชน ข้อเท้าแพลงหรือบาดเจ็บด้วยเหตุอื่น ๆ

 

ส่วนระยะการเกิดโรคนั้น คุณหมอได้บอกว่า แบ่งได้ 2 ระดับด้วยกัน คือ ระยะโรค Staging และระดับความรุนแรง โดยในระยะโรค Staging นั้นจะแบ่งได้อีก 4 ระยะด้วยกันเริ่มจาก ระยะ 0 หลอดน้ำเหลืองมีความเสียหายแล้ว แต่ไม่สำแดงอาการ ระยะ 1 บวมชั่วคืน แบบมีกดบุ๋ม ทว่าเข้ามาก็หายบวม หรือเหลือเพียงแผ่วเบา ระยะ 2 บวมตลอด ที่เคยกดบุ๋มจะเริ่มแน่นขึ้นตึงขึ้น และหนังจะค่อย ๆ แข็งเป็นพังผืดสะสมใต้ผิว ระยะ 3 บวมเท้าช้าง แข็งมาก

 

หากเริ่มในระดับความรุนแรง ก็จะแบ่งออกอีก 5 ระยะ คือ ระดับ 1 วัดเส้นรอบวงได้โตกว่าข้างที่ปกติ ภายใน 4 ชม. อาจบวมเฉพาะแขนหรือขาท่อนปลาย ระดับ 2 เส้นรอบวงโตขึ้นกว่า 4 ซม. แต่ไม่ล่วง 6 ซม. บวมตลอดแขนหรือขา มีอักเสบใต้ผิวหนังเป็นครั้งคราว ระดับ 3ก เส้นรอบวงใหญ่กว่าอีกข้างเกิน 6 ซม.ไปแล้ว อักเสบบ่อย ผิวหนังเสื่อม นิ้วอ้วน น้ำเหลืองซึมตามร่องนิ้ว ระดับ 3ข รุนแรงแบบ 3ก แต่บวมลามไปยังขาอีกข้างแล้ว ระดับ 4  ระดับความรุนแรงสูงสุดเข้าแบบฉบับโรคเท้าช้าง บวมเป็นมัด เป็นก้อน ผิวสีคล้ำจนดูดำสกปรก หนังแข็งและสาก ขึ้นหูดชุดเป็นหนังกระเบน หนามขนุน ดอกกะหล่ำ มีน้ำเหลืองเยิ้ม

 

“โรคประหลาด” แต่หายได้โดยไม่ต้องพึ่งยา

            ซึ่งตัวการร้าย…ที่ทำให้อาการของ “โรคบวมน้ำเหลือง” ดูทวีความรุนแรงมากขึ้นเห็นจะเป็น “ของแสลง เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วทำให้เกิดการอักเสบของเซลล์บุหลอด endotheliitis ขึ้นเกิดเป็นหลอดน้ำเหลืองอักเสบ หลอดเลือดดำอักเสบ ซึ่งจะเกิดเฉพาะบางจุดเท่านั้น เช่นบริเวณขา ถ้าอาการเรื้อรังจะเห็นเป็นหลอดเลือดฝอยๆ ขดๆ ขอดๆ อยู่ตามบริเวณผิวหนัง มีเลือดคั่งเป็นกระจุกม่วงๆ ดำๆ มองคล้ายตัวแมงมุม ซึ่ง “ของแสลง” ที่ว่านี้จะต่างจากของที่กินแล้วแพ้ ที่มีปฏิกิริยาภูมิแพ้แม้ในภาวะปกติ เช่น บวมพอง ผื่น อย่างนั้นจะเกิดได้ทั่วอวัยวะ ขวาซ้ายเหมือนๆ กัน แต่ “ของแสลง” จะทำให้อาการบวมน้ำเหลืองเพิ่มมากขึ้น บางที่อาจมาในแบบที่เรียกกันว่า น้ำเหลืองไม่ดี น้ำเหลืองเสีย หรือขาลาย

 

โดยคุณหมอวิชัยได้ระบุประเภทของ “ของแสลง” จากข้อมูลผู้ป่วยใน 16 ประเทศที่มีเกือบ 1,000 คน ว่าอาหารที่เป็น “ของแสลง” ได้แก่ อาหารประเภทไก่ เช่น ไก่ทอด ไก่ย่าง หนังไก่ เอ็นข้อไก่ กระดูกไก่ ซุปไก่ ไข่ไก่ อาหารประเภทหมู เช่น เนื้อหมู หนังหมู หมูหัน อาหารประเภทกุ้ง ได้แก่ กุ้งแม่น้ำ กุ้งกุลาดำ ลูกชิ้นกุ้ง อาหารประเภทหอย เช่น หอยแครง หอยแมลงภู่ หอยลาย หอยดอง อาหารประเภทปู เช่น ปูทะเล ปูดอง ปูเค็ม อาหารประเภทปลา เช่น ปลาร้า ปลาช่อน ปลาดุก  ปลานิล ปลาทับทิม ปลากะพง ปลาทู ปลาทูนา ปลาแซลมอน ไข่ปลาแซลมอน ปลากระป๋อง อาหารประเภทที่ทำมาจากวัว เช่น เนื้อวัว นมวัว นมผง ครีม เนย ชีส พิชซ่า และที่ร้ายแรงที่สุด คือ อาหารประเภทเป็ด ไม่ว่าจะเนื้อเป็ด หรือเพียงแค่น้ำซุปเป็ดก็ตาม

 

นอกจากนี้ยังมี อาหารประเภท เนื้องู เนื้อเก้ง หูฉลาม บะหมี่สำเร็จรูปหมูสับ รสหอยลายผัดฉ่า รวมถึงเครื่องปรุงอย่าง กะปิ น้ำปลา ไวน์ เบียร์ เหล้าขาว และน้ำมันที่ทอดซ้ำแล้วซ้ำอีก ซึ่งหากผู้ป่วยบริโภค “ของแสลง” เหล่านี้เข้าไป พิษแสลง ก็จะออกอาการต่างๆ ตามแขน ขาข้างที่ป่วย เช่น ร้อน แดง บวม ปวด ปูดป่องเป็นหย่อมๆ ข้ออักเสบ คัน ขึ้นผื่น เม็ดน้ำน้อยใหญ่ น้ำเหลืองรั่วซึมเยิ้ม เกิดฝีปูดอักเสบ มีไข้สูงหนาวสั่น

 

            เห็นได้ว่าทั้งหมดดูแล้วจะเป็นอาหารที่อยู่ใกล้ตัวเราแทบทั้งสิ้น ดังนั้นทางที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้ห่างไกลโรคประหลาดนี้ได้ ซึ่งคุณหมอวิชัยได้แนะนำให้หันมารับประทาน ก็คือ อาหารประเภทมังสวิรัติ เน้นรับประทานผัก ผลไม้ นอกจากจะไม่เป็นโรคดังกล่าวแล้ว ยังดีต่อสุขภาพด้านอื่นๆอีกด้วย นับว่าเป็นทางป้องกันที่ง่ายแสนจะง่ายที่เราทุกคนควรหันมาปฏิบัติตาม…

 

            ส่วนผู้ที่เป็น “โรคบวมน้ำเหลือง” แล้วนั้น ก็อย่าเพิ่งตกใจ เพราะโรคนี้มีวิธีรักษา โดยคุณหมอวิชัย ได้กล่าวว่า โรคนี้ไม่สามารถรักษาได้ด้วยการทานยา หรือผ่าตัดให้หายได้ เพราะต้องผ่าตัดโดยไม่มีที่สิ้นสุด ทางเดียวที่จะรักษาได้คือ การบำบัดโดยการขันชะเนาะ หรือที่เรียกว่า ภูษาบำบัด เป็นวิธีการที่ใช้ผ้าพันส่วนที่บวมไว้ให้แน่น เช่น แขน ขา หรืออัณฑะ เพื่อให้น้ำเหลืองไหลได้ในทิศทางเดียว เมื่อน้ำเหลืองไหลเป็นปกติ ส่วนที่บวมก็จะมีขนาดเล็กลงได้แต่ก็ต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก ซึ่งถ้าหากผู้ป่วยขยัน และดูแลรักษาตัวเองได้อย่างดี งดของแสลงที่เป็นสาเหตุทำให้อาการบวมรุนแรง น้ำหนักและอาการบวมก็จะลดลงอย่างรวดเร็วเลยทีเดียว

 

“โรคประหลาด” แต่หายได้โดยไม่ต้องพึ่งยา

            ผู้ป่วยนับพันรายที่คุณหมอวิชัยให้การรักษา มีอาการดีขึ้นตามลำดับ หรือแม้กระทั่งหายขาดไปเลย อย่างไรก็ตามผู้ป่วย “โรคบวมน้ำเหลือง” อาจไม่ถึงแก่ชีวิต นอกเสียจากเป็นโรคแทรกซ้อนแล้วทนความรุนแรงของโรคแทรกซ้อนทั้นไม่ไหว ได้รับความทุกข์ทรมานในการดำรงชีวิตแล้วเสียชีวิตไปในที่สุด หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง

 

ในโลกใบนี้ยังมีอีกสารพัดโรคที่เรายังไม่รู้จัก ไม่คุ้นเคย และที่สำคัญคงไม่มีใครอยากจะเสี่ยงเป็นเหล่านั้น คงถึงเวลาแล้ว…ที่เราควรหันมาใส่ใจสุขภาพตนเองให้มากขึ้น ด้วยการหมั่นออกกำลังกาย รับประทานอาหารอาหารที่มีประโยชน์ โดยเน้น ผัก ผลไม้ เพราะนั้นจะเป็นเกาะป้องกันโรคร้ายต่างๆ ได้ดีที่สุด….

 

อโรคยา ปรมา ลาภา : การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสร็จ จริงไหม๊ ครับ….

 

 

 

 

 

เรื่องโดย: ณัฏฐ์ ตุ้มภู่ Team content www.thaihealth.or.th

 

 

Update:19-01-53

อัพเดทเนื้อหาโดย: ณัฏฐ์ ตุ้มภู่

Shares:
QR Code :
QR Code