โรคความดันโลหิตสูง ภัยเงียบในตัวเรา

ที่มา : แนวหน้า


โรคความดันโลหิตสูง ภัยเงียบในตัวเรา thaihealth


แฟ้มภาพ


แพทย์แนะโรคความดันโลหิตสูง ภัยเงียบในตัวเรา 


พลอากาศโท นายแพทย์อนุตตร จิตตินันทน์ ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ความดันโลหิตคือค่าที่วัดแรงดันในหลอดเลือดแดง โดยใช้เครื่องวัดซึ่งมีหลายแบบทั้งที่เป็นแบบปรอท แบบเข็มวัด และแบบอัตโนมัติ ค่าที่วัดได้มี 2 ค่า โดยเขียนเป็นตัวเลข 2 ตัว คั่นกลางด้วยเครื่องหมาย เศษส่วน เช่น 130/80 มิลลิเมตรปรอท ตัวเลขตัวแรกหรือตัวบนเป็นค่าความดันโลหิตระหว่างหัวใจบีบตัว (ความดันโลหิตซิสโตลิกส์) ส่วนตัวเลขตัวที่สอง หรือตัวล่างเป็นค่าความดันโลหิตระหว่างหัวใจคลายตัว (ความดันโลหิตไดแอสโตลิกส์) ทั้งนี้จะต้องวัดด้วยวิธีการที่ถูกต้อง กล่าวคือ ผู้ป่วยควรนั่งพัก อย่างน้อย 5 นาที วัดในท่านั่ง ใช้ผ้าพันแขนที่ได้มาตรฐาน และอยู่ในระดับเดียวกับหัวใจ


โรคความดันโลหิตสูงเป็นโรคที่ตรวจพบความดันโลหิตอยู่ในระดับที่สูงกว่าปกติอย่างเรื้อรังเป็นเวลานาน โดยทั่วไปหากผู้ใดวัดความดันโลหิตระหว่างหัวใจบีบตัวได้มากกว่า 140 มิลลิเมตรปรอท หรือวัดความดันโลหิตระหว่างหัวใจคลายตัวได้มากกว่า 90 มิลลิเมตรปรอท ถือว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคนี้เป็นโรคที่พบได้บ่อย จากการสำรวจพบว่าผู้ใหญ่คนไทยเป็นโรคความดันโลหิตสูงประมาณร้อยละ 25 เมื่ออายุมากขึ้นโอกาสที่จะเป็นความดันโลหิตสูงก็เพิ่มขึ้นด้วย


ทำไมจึงเป็นฆาตกรเงียบ? ปัญหาสำคัญของโรคความดันโลหิตสูงก็คือผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้มากกว่าครึ่งไม่รู้ตัวว่าเป็น และถึงแม้จะรู้ตัวว่าเป็นโรคนี้แล้วก็ยังไม่ได้สนใจดูแลรักษา ส่วนหนึ่งเนื่องจากโรคความดันโลหิตสูงมักไม่มีอาการ ทำให้คนส่วนใหญ่ที่เป็นโรคนี้ไม่ได้ให้ความสนใจ เมื่อเริ่มมีอาการหรือภาวะแทรกซ้อนแล้วจึงจะเริ่มสนใจตนเองและรักษา ซึ่งทำให้ผลการรักษาไม่ดีเท่าที่ควร


โรคความดันโลหิตสูงเป็นสาเหตุสำคัญทำให้มีโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบหรือแตก เกิดอาการอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือทำให้เกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เกิดกล้ามเนื้อหัวใจตาย ทำให้หัวใจวายและเสียชีวิตได้ รวมทั้งทำให้เกิดไตวายเรื้อรัง จนอาจต้องรับการล้างไตได้ จึงถือว่าโรคความดันโลหิตสูงเป็นเหมือน "ฆาตกรเงียบ" ที่แฝงอยู่ในตัวผู้ป่วย

Shares:
QR Code :
QR Code