‘โยคะ’ มากกว่าการออกกำลังกาย

           โยคะเป็นการดูแลสุขภาพอีกรูปแบบหนึ่งที่คนให้ความสนใจและฝึกปฏิบัติกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก เนื่องจากประโยชน์ที่เกิดขึ้นส่งผลดีทั้งร่างกายและจิตใจ ให้มีความสงบ เกิดสมาธิ ผ่อนคลายความตึงเครียด และเป็นการสร้างสมดุลให้กับร่างกาย ถือเป็นการดูแลสุขภาพที่ดีอีกวิธีหนึ่ง

/data/content/19725/cms/dfgiklruxz57.jpg

           วันโยคะโลกตรงกับวันที่ 24 กุมภาพันธ์ของทุกปี โดยทุกๆ ปีของวันโยคะโลกนี้จะมีการจัดกิจกรรมจากสถาบันโยคะทั่วโลก เป็นการฝึกโยคะแบบมาราธอนทั่วโลก 24 ชม. เพื่อส่งต่อสันติภาพและหาทุนเพื่อช่วยเหลือองค์กรการกุศลต่างๆ ในปีนี้ทางโยคะไทย (Thailand Yoga Society) ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดงานวันโยคะโลก (World Yoga Day 2014) ณ อาคารศูนย์การเรียนรู้สุขภาวะ ในวันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2557 เพื่อช่วยระดมทุนทรัพย์ไปช่วยเหลือผู้อพยพชาวซีเรียที่ค่ายลี้ภัยทางการเมือง

/data/content/19725/cms/abdlmnqsv168.jpg

           ครูจิมมี่-ยุทธนา พลเจริญ ผู้อำนวยการหลักสูตรครูสอนโยคะสถาบันฟิต กล่าวว่า กิจกรรมวันโยคะโลกถือเป็นกิจกรรมที่ผสานความเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยครูโยคะทั่วโลกจะแบ่งปันเวลาและพื้นที่ในการฝึกฝนโยคะเป็นเวลา 2 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 11.00-13.00 น. ของพื้นที่เวลาที่อาศัยอยู่ ซึ่งเมื่อเวลา 11 โมงเช้าของพื้นที่ทั่วโลกวิ่งไปจนครบรอบที่โลกหมุนรอบตัวเอง กิจกรรมการฝึกนี้ก็จะกลายเป็นการฝึกโยคะแบบมาราธอน 24 ชม.ทั่วโลก โดยนักเรียนที่เข้าร่วมคลาสในกิจกรรมวันโยคะโลกจะให้การบริจาคทรัพย์เป็นค่าเรียนตามกำลังของตนเอง แต่หากผู้เรียนไม่มีเงินที่จะบริจาคทางผู้จัดก็ยินดีต้อนรับ

           กิจกรรมดังกล่าวเชื่อว่าเป็นการอุทิศความคิดและพลังงานเพื่อมนุษยชนรอบโลก จะทำให้เกิดพลังพลวัตรของการตื่นตัวถึงสิทธิมนุษยชนไปรอบโลก และหาทุนเพื่อช่วยเหลือองค์กรการกุศล ซึ่งปีนี้จะเป็นการระดมทุนทรัพย์ไปช่วยเหลือผู้อพยพชาวซีเรียที่ค่ายลี้ภัยทางการเมือง โดยจะระดมเงินทุนเข้าองค์กร Oxfam International ที่อยู่ภายใต้การดูแลของสหประชาชาติ ซึ่งมีภารกิจเพื่อดูแลความยากจนและความยุติธรรมของประเทศกว่า 90 ประเทศทั่วโลก

           สำหรับกิจกรรมวันโยคะโลก ณ อาคารศูนย์การเรียนรู้สุขภาวะนี้ เราจะมีกิจกรรมสอนโยคะเบื้องต้นให้กับผู้สนใจทุกเพศทุกวัย เพื่อทำให้ผู้ฝึกฝนโยคะมาร่วมฝึกฝน ร่วมกันภาวนาให้เกิดสันติสุขกับสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนโลกใบเดียวกัน และสามารถนำเอาหลักการฝึกฝนโยคะไปปฏิบัติตามที่บ้านได้ โดยจะแบ่งการฝึกออกเป็น 2 ช่วงคือ 1.การฝึกอาสนะและปราณยมะ 2.การทำสมาธิและการทำ เมตตาภาวนา สวดมนต์แผ่บุญกุศลให้กับเพื่อนมนุษย์ รวมถึงผู้เข้าร่วมกิจกรรมสามารถร่วมบริจาคให้กับผู้เดือดร้อนชาวซีเรียเพื่อเป็นการแบ่งปันความสุขให้แก่ผู้อื่น

           “โยคะเป็นมากกว่าการออกกำลังกาย นอกจากสุขภาพกายเราจะแข็งแรงจากการฝึกฝนแล้ว สุขภาพใจของเรายังมีความสงบสุข เพราะโยคะเป็นการสร้างสมาธิ นำจิตไปสู่ความหลุดพ้นจากความทุกข์ ผ่อนคลายความตึงเครียด ช่วยให้จิตใจสงบเยือกเย็น ลดอาการกระสับกระส่าย กังวล ทำให้มีสมาธิในการทำกิจการงานมากขึ้น ช่วยควบคุมจิตใจและความเครียดได้ดีขึ้น และยังปรับสมดุลโครงสร้างของร่างกายจากอิริยาบถในชีวิตประจำวันที่ไม่ถูกต้อง นอกจากจะเกิดความสุขกับตัวเองแล้ว การที่จิตใจเราดีขึ้นแล้วได้ร่วมแบ่งปันและทำประโยชน์กับคนอื่น ก็ล้วนเป็นสิ่งดีๆ ที่ควรกระทำ” ครูจิมมี่ กล่าว

/data/content/19725/cms/abdlmnqsv168.jpg           ด้าน ครูหญิง-กัญญ์ญาภัค ประภาพรพันธ์ ครูสอนโยคะ และผู้ก่อตั้งอนันดามายาสตูดิโอ บอกว่า โยคะถือเป็นกิจกรรมที่ให้ประโยชน์มากต่อผู้ฝึกทั้งทางร่างกาย จิตใจ ความรู้สึก เรียกว่าครบรูปแบบ การฝึกฝนที่ต่อเนื่องประกอบกับการดำเนินชีวิตอย่างมีสติและใส่ใจต่อร่างกาย ก็จะทำให้เรามีสุขภาพที่ดี ห่างไกลจากโรคร้าย ประโยชน์ของโยคะคือการเรียนรู้กับตัวเอง อยู่กับลมหายใจ เป็นการฝึกที่ต้องเพ่งความสนใจไปที่ลมหายใจ และฝึกให้เราหายใจโดยใช้ปอดอย่างเต็มกำลังความสามารถ ซึ่งร่างกายทุกส่วนจะได้รับประโยชน์ ช่วยให้ช่องทางเดินหายใจเปิดกว้างขึ้น ระบบประสาทส่วนกลางที่เกี่ยวกับการทำงานของร่างกายสงบและผ่อนคลาย

           ผู้สนใจสามารถฝึกฝนโยคะโดยเริ่มจาก “ท่าอาสนะ” ซึ่งเป็นพื้นฐานที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นใหม่ให้ปฏิบัติตามได้ง่ายๆ เหมาะสำหรับการฝึกทุกๆ วัน เพื่อบริหารร่างกายและสร้างพลังแก่สุขภาพ ท่าอาสนะเป็นท่าบริหารที่ประกอบด้วยการเคลื่อนไหวอันนิ่มนวล เป็นการฝึกเพื่อพัฒนาร่างกายให้เกิดความสมดุลทางสรีระและกล้ามเนื้อต่างๆ สำหรับระยะเวลาในการฝึกโยคะแต่ละครั้งนั้น ควรฝึกให้ได้อย่างต่ำครั้งละ 30 นาที สำหรับผู้ที่มีเวลาสามารถฝึกเต็มที่ได้ ครั้งละ 1 ชั่วโมง 30 นาที หรือถึง 2 ชั่วโมง ฝึกโยคะอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง หรือฝึกวันละ 15-30 นาที ทุกๆ วันก็ได้

           เมื่อสุขภาพร่างกาย จิตใจดีแล้ว ด้านความคิดก็จะสดชื่นแจ่มใส มองโลกและคิดในแง่บวก ไม่สร้างความเดือดร้อน เบียดเบียนกับผู้อื่น ส่งผลให้เกิดความสันติสุขได้

 

 

           ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

Shares:
QR Code :
QR Code