“โยคะหัวเราะ” ปลดล็อกความทุกข์…สุขสร้างได้
โลก….อยู่ยากขึ้นทุกวัน!ประโยคฮิตติดปากของคนยุคนี้ สะท้อนความไม่น่าพิศมัยของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งแปลก แตกแยก เสื่อมโทรม ไม่พ้นเกิดอาการ “เครียด”
หากเครียดมากๆ ก็พาลให้ตัวเองจมอยู่ในห้วงทุกข์ เหมือนเชื้อโรคป่วยเป็นโรคเรื้อรังในที่สุด ดังนั้นจึงมีศาสตร์แขนงต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย เพื่อบำบัดความเครียดและเยียวยาจิตใจ…รวมถึง”โยคะหัวเราะ”ศาสตร์อีกแขนงที่อาจจะช่วยปลดล็อกความทุข์ และสร้างความสุขอย่างง่ายๆ ด้วยตัวเอง
เมื่อเร็วๆนี้ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)ร่วมกับสถาบันหัวเราะแห่งประเทศไทย ได้จัดฝึกอบรมโยคะหัวเราะ “สุขภาพดีสร้างง่าย สร้างได้แค่เสียงหัวเราะ” ที่ ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ โดย ทีมวิทยากรผู้ได้รับการรับรองจาก ดร.มาดาน คาตาเรีย แพทย์ชาวอินเดียผู้ริเริ่มโยคะหัวเราะครั้งแรกของโลก
“การหัวเราะ เป็นการหายใจออกประเภทหนึ่งซึ่งการหัวเราะแบบโยคะ หรือชื่อทางการเรียกว่าปราณยามะ คือ การหัวเราะอย่างไม่มีเงื่อนไขผสมผสานกับการหายใจแบบโยคะ จะทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนในปริมาณสูงสุด” วินเนอร์-อรุต ธนาสุวรรณดิถี วิทยากรจากสถาบันหัวเราะฯบอกถึงแนวคิดพื้นฐานของการฝึกโยคะหัวเราะ
วินเนอร์ อธิบายต่อว่า หลักการง่ายๆ ของการฝึกโยคะหัวเราะ ประกอบด้วยการหายใจ เข้าและออกให้สุดส่งผลให้ปอดได้รับออกซิเจนในปริมาณมากกว่าหายใจปกติ สมองสามารถนำออกซิเจนไปใช้ได้เต็มที่และมีประสิทธิภาพ ซึ่งหลังจากการฝึกโยคะหัวเราะแล้ว สิ่งที่เราสามารถสัมผัสได้ทันทีคือความสดชื่น และหายใจได้สะดวกขึ้น
วินเนอร์ บอกต่อว่าการเปล่งเสียงหัวเราะปรบมือ และเคลื่อนไหวตามจังหวะ คือการฝึกหายใจด้วยกระบังลม ทำให้หายใจได้มากขึ้นและกระตุ้นจุดสัมผัสของสื่อประสาทที่ปลายนิ้วมือ ทำให้ระบบการไหลเวียนเลือดดีและกระตุ้นความตื่นตัวของสมองทำให้รู้สึกเบิกบาน สนุกสาน หากฝึกอย่างต่อเนื่องนาทีสามารถเผาผลาญพลังงานได้เท่ากับออกเริ่มกำลังกาย 30 นาที
สุดท้ายคือ การจินตนาการเล่นสนุกแบบเด็กๆ เช่น สมมุติตัวเองว่า “ฉันมีความสุขที่สุดในโลก” ในส่วนนี้สมองซีกซ้ายจะได้ทำงานอย่างเต็มที่นอกจากนั้นยังได้ฝึกการมองโลกในแง่ดี สามารถเรียกสติ จิตวิญญาณ และปรัชญาในการใช้ชีวิตกลับคืนมาได้อีกด้วย
“ความพิเศษของ โยคะหัวเราะ ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ เป็นยารักษาโรคที่ไม่มีราคาและดีที่สุดเนื่องจากระหว่างที่เราฝึกนั้น ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่ช่วยระงับความเจ็บปวด ถึง 3 ชนิด ได้แก่ ฮอร์โมนเอ็นโดรฟิน (endorphine) ช่วยลดความเจ็บปวด และรู้สึกผ่อนคลาย
ฮอร์โมนโดพามีน(dopamine) เพิ่มประสิทธิภาพการจำและการเรียนรู้กระตุ้นการตื่นตัวของสมอง ควบคุมอารมณ์ และฮอร์โมนซีโรโทนิน (serotonin) ช่วยคลายความเครียด และกระตุ้นความสุข” วิทยากรจากสถาบันหัวเราะฯ เสริมทิ้งท้าย
อาจกล่าวได้ว่า ความมหัศจรรย์ของการฝึกโยคคะหัวเราะนั้น ส่งผลดีต่อการสร้างเสริมสุขภาพในทุกมิติเลยก็ว่าได้ และไม่เพียงก่อให้เกิดความสุขตามลำพังเท่านั้น แต่การหัวเราะสามารถส่งต่อและแบ่งปันให้คนรอบข้างได้อย่างไม่ต้องเขินอายอะไร
มาหัวเราะกันเถอะ ล้อมวงกันหัวเราะหัวเราะ และหัวเราะ โฮ่…โฮ่…ฮ่า…ฮ่า…ฮ่า
ที่มา : หนังสือพิมพ์บ้านเมือง