โมเดลสร้างสุข ‘มนุษย์คอนโด’

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ 


โมเดลสร้างสุข ‘มนุษย์คอนโด’ thaihealth


แฟ้มภาพ


เคยมีคำถามกันบ้างไหม ? กับการ ใช้ชีวิตมนุษย์คอนโดฯ ในเมืองที่ "สะดวกสบายไร้ที่ติ" วันนี้ เรามีความสุขกันจริงหรือเปล่า?


ในยุคที่การอยู่อาศัยของคนเมืองเริ่มเปลี่ยนมาเป็น "แนวดิ่ง" และเริ่มมีชีวิตแบบ "แยกชิ้นส่วน" หลายคนมีคอนโดฯ เป็นแค่ที่นอน ฝากท้องกับร้าน 24 ชั่วโมง นอกบ้าน คิดอะไรไม่ออกก็เดินห้าง ยังไม่นับรวม วิถีชีวิตชุมชนแบบเดิมๆ ที่เลือนหาย  อยู่คอนโดฯ เดียวกัน แต่น้อยคนที่จะ รู้จักกัน


"วันนี้ วิถีชีวิตเปลี่ยนไป หลายพื้นที่เปลี่ยนแปลงกลายเป็นตึกสูง มีคน มาอยู่รวมกันเต็มไปหมด แต่สิ่งที่เราไม่มี คือ ความรู้ในการดูแลชีวิตคนเมือง" นพ.ชาญวิทย์ วสันต์ธนารัตน์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการพัฒนาระบบสุขภาพ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริม สุขภาพ (สสส.) บอกถึงความท้าทายของการทำงาน "สร้างสุข" ให้กับคนเมือง


ไม่ต่างจากเสียงสะท้อนจากฝั่ง กรุงเทพมหานคร มยุรี เถาลัดดา หัวหน้ากลุ่มงานสาธารณสุขชุมชน กองสร้าง เสริมสุขภาพ สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ที่บอกว่า ทาง กทม. เองก็เล็งเห็นความสำคัญของการดูแลชุมชนคอนโดฯ ที่ขยายตัวขึ้นเช่นกัน


โมเดลสร้างสุข ‘มนุษย์คอนโด’ thaihealth


แต่คำถาม คือ ทำอย่างไรจึงจะสามารถเข้าถึงกลุ่มคนเหล่านี้ได้ ?


ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลด้านสุขภาพของมนุษย์คอนโดฯ วันนี้ อยู่ดีมีสุขกันแค่ไหน เจ็บป่วยเป็นโรคอะไรกันบ้าง เป็นเรื่องที่เมืองไทยยังขาดองค์ความรู้ นับเป็น โจทย์ใหม่สำหรับการทำงานด้านสาธารณสุขชุมชนของกทม.ที่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับบริบทชุมชนเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป


ความท้าทายเหล่านี้ จึงนำมาสู่ความร่วมมือกันก้าวแรกระหว่าง สสส. กับ  กทม. และผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมอย่าง "แอลพีเอ็น" เพื่อหาโมเดลการพัฒนาสุขภาวะชุมชนชาวคอนโดฯ ในทุกมิติ ทั้งร่างกาย จิตใจ สังคม และปัญญา ผ่านกระบวนการสร้าง "ชุมชนน่าอยู่สำหรับคนทุกวัย" ที่เรียกว่า Healthy Vibrant Community


"แนวคิดการสร้างชุมชนน่าอยู่ของสสส. เป็นเรื่องเดียวกันกับที่แอลพีเอ็น เราทำเรื่องนี้มา 20 กว่าปี ที่ผ่านมา เรามี ผู้จัดการชุมชนของเราที่เข้ามาดูแลคนที่อาศัย ในโครงการทุกคนอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายเรื่องๆ ที่เราน่าจะเข้ามามีส่วนช่วย ได้อีก หากทำงานเชื่อมกับภาคีเครือข่าย อย่างสสส. และ กทม." สมศรี เตชะไกรศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพินี พรอพเพอร์ตี้ เมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) เล่าถึงที่มาของการที่ภาคเอกชนอย่าง "แอลพีเอ็น" เป็นฝ่ายแรกที่เดินเข้ามาคุยกับ สสส. จนนำมาสู่การทดลองโครงการนำร่องใน 5 ชุมชนคอนโดฯในพื้นที่กรุงเทพฯ


ปัจจุบัน แอลพีเอ็น นับเป็นหนึ่งใน ผู้ประกอบการรายใหญ่เบอร์ต้นๆ ในตลาดคอนโดมิเนียม เฉพาะแอลพีเอ็นบริษัทเดียว มีโครงการคอนโดฯ กระจายอยู่เกือบ 150 แห่งทั่วประเทศ มีจำนวน "ลูกบ้าน" ทั้งหมดรวมกันไม่น้อยกว่า 2 แสนคน ตั้งแต่ระดับโครงการขนาดเล็กที่อยู่กันไม่กี่ร้อยคน ไปจนถึงโครงการขนาดใหญ่ที่มีคนอยู่รวมกันถึง 5-6 พันคน


การบริหารจัดการคุณภาพชีวิตชุมชนคอนโดฯ จึงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ นพ.ชาญวิทย์ ผู้บริหาร สสส. บอกว่า การที่ต้องดูแลคนที่ มาอยู่รวมกันจำนวนเยอะๆ ขนาดนี้ ถ้าเป็นระดับการบริหารจัดการท้องถิ่น ก็ไม่ต่างกับระดับผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นายอำเภอ


คำถาม คือ ในชุมชนที่อาศัยอยู่ร่วมกันในคอนโดฯ ใครจะเป็นคนที่ทำหน้าที่ดูแลความเป็นอยู่ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องพัฒนาคนที่มีทักษะความรู้ในการบริหารจัดการคุณภาพชีวิตบนตึกสูง ซึ่งต้องทำหน้าที่มากกว่าแค่เป็นผู้ดูแลอาคาร สถานที่หรือนิติบุคคลบริหารคอนโดฯ


"ตัวอย่างเช่น กรณีมีโรคระบาด  เรารู้วิธีการจัดการในชุมชน แต่ในคอนโดฯ  มันถือเป็นองค์ความรู้ใหม่จริงๆ ตรงนี้ จึงถือเป็นวิชาชีพใหม่ที่ต้องเข้ามามีบทบาท  มีความรู้ในการดูแลสุขภาวะของคนที่อยู่อาศัยในชุมชนคอนโดฯ ในเมือง แม้แต่ปัญหาเรื่องคนป่วยนอนติดเตียงอยู่ใน คอนโดฯ กรณีนี้ กทม.กับผู้จัดการคอนโดฯ จะเข้ามาประสานเชื่อมโยงทำงานร่วมกัน ได้ยังไง จากความร่วมมือครั้งนี้ เราเชื่อว่า จะเป็นก้าวแรกในการเป็นต้นแบบ พัฒนาชุมชนอาคารชุดอย่างมีส่วนร่วม ที่เกิดผลเป็นรูปธรรมและยั่งยืน" นพ.ชาญวิทย์ เล่า


หนึ่งในกระบวนการของการพัฒนาโมเดล สร้างสุขมนุษย์คอนโดฯ ภายใต้ความร่วมมือกัน ครั้งนี้ จึงเริ่มจากการนำร่องพัฒนาแกนนำในพื้นที่เข้ามาขับเคลื่อนโครงการ ที่เรียกกันว่า "แกนนำสร้างสุข" หรือ Sook Fa  ซึ่ง อาจเป็นผู้นำกิจกรรมชุมชนอยู่แล้ว เช่น  ผู้จัดการโครงการหรือนิติบุคคล เพื่อเป็น คีย์สำคัญในการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชน ผ่านการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมสุขภาวะให้กับคนทุกวัยที่อาศัยอยู่ใต้ชายคาคอนโดฯ เดียวกัน


"เราอยากพัฒนาแกนนำสร้างสุขที่เรียกว่า Sook Fa มาทำหน้าที่ตัวกลาง ทำงานเชื่อมโยงกับลูกบ้าน เป็นคนกลางที่มีความรู้ เรื่องทั้งด้านความปลอดภัย สุขภาพ และสิ่งแวดล้อม เพื่อนำมาปรับใช้กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนในแนวตั้ง" คุณหมอชาญวิทย์ เล่าถึงบทบาทของ "แกนนำ สร้างสุข" โดยปัจจัยความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ นอกจากความร่วมมือของตัวผู้ประกอบการคอนโดฯ ที่ต้องมีใจอยากลุกขึ้นมาทำแล้ว


อีกปัจจัยสำคัญที่ขาดไม่ได้ คือ  การสร้างการมีส่วนร่วมของลูกบ้าน โดยใช้กิจกรรมเป็นเครื่องมือในการดึงคนมาร่วมกัน ซึ่งนั่นหมายถึงคำตอบของการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน


สมศรี อธิบายเพิ่มเติมถึงทีม Sook Fa ซึ่งนำร่องโดยการคัดเลือกทีมผู้จัดการชุมชม ของแอลพีเอ็น เพื่อเปิดมุมมอง และ บ่มเพาะทักษะการเป็นผู้นำการสร้างสุขภาวะ ควบคู่กับการหาแนวร่วมทั้งจากกทม. และผู้อยู่อาศัยที่มีวิชาชีพต่างๆ เช่น หมอ พยาบาล เข้ามามีส่วนร่วมกันทุกภาคส่วน กระบวนการที่จะดึงพลังเหล่านี้ออกมาได้  มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนา คุณภาพชีวิตการอยู่ร่วมกันในชุมชนตึกสูง ที่จะเกิดความยั่งยืนในอนาคต


"ที่ผ่านมา เรามีคณะกรรมการชุมชน มีจิตอาสาที่พร้อมจะเสียสละเวลามาทำอะไรเพื่อชุมชนอยู่แล้วในระดับหนึ่ง สิ่งที่เราต้องทำคือขยายผลการมีส่วนร่วมของชุมชนอย่างเป็นธรรมชาติเหล่านี้ออกไปให้มากขึ้น ทำอย่างไรถึงจะทำให้เกิด จิตอาสาในชุมชนมากขึ้น"


ผู้บริหารแอลพีเอ็น เล่าว่า ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลังจากการนำร่องพัฒนาทีมแกนนำสร้างสุข หรือ Sook Fa สำหรับผู้จัดการชุมชนที่ผ่านการเข้าร่วมโครงการ คือ การไม่ทำอะไรแบบคิดเอง เออเอง แต่เปิดโอกาสให้ทุกคนที่อยู่อาศัยร่วมในชุมชนต้องคิดร่วมกันดังๆ ปรับเปลี่ยน เพื่อให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมทำกิจกรรมที่สนใจ เป็นจุดตั้งต้นที่ทำให้เกิดการรวมพลังของคนในชุมชนมากขึ้น


โมเดลสร้างสุข ‘มนุษย์คอนโด’ thaihealth


หนึ่งในทีม Sook Fa รุ่นนำร่อง  กิจชัยมงคล ประเสริฐศรี ผู้จัดการชุมชน ลุมพินีคอนโดทาวน์ บดินทรเดชา-รามคำแหง เล่าว่า โครงการที่รับผิดชอบดูแลอยู่เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีจำนวนมากถึง 14 อาคาร มีผู้คนอยู่รวมกันมากว่า 3,000 คน การจัดกิจกรรมเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ในชุมชนจึงไม่ใช่เรื่องง่าย วิถีชีวิตคนที่อยู่คอนโดฯส่วนใหญ่มีวิถีชีวิตค่อนข้างเร่งรีบ มีเวลาจำกัด ส่วนใหญ่ใช้คอนโดฯเป็นแค่ที่นอน การจะทำกิจกรรมเพื่อสร้างการมีส่วนรวม ก็ไม่ได้ทำได้ง่าย ๆ


"ที่ผ่านมา วิธีการที่เราใช้ก่อนที่จะทำให้เกิดการรวมใจของชุมชน จึงเริ่มจากกิจกรรมแบ่งปันซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการดึงใจคนเข้ามามีส่วนรวม เช่น การบริจาคสิ่งของที่ไม่ได้ใช้แล้ว บริจาคโลหิต ทำบุญ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ได้ผล ได้รับการตอบรับจากคนในชุมชน รวมถึงกิจกรรมสำหรับเด็กๆ และครอบครัว เช่น ระบายสี ปูนปั้น ซึ่งเราเริ่มต้นจากกิจกรรมพวกนี้ มาเป็นเครื่องมือจุดเริ่มต้นเชื่อมความสัมพันธ์  ให้รู้จักกันจะนำไปสู่ด้านอื่นๆ เพื่อพัฒนาชุมชนต่อไปอีก" สมศรี กล่าว


และอธิบายต่อว่า แกนนำสร้างสุข หรือ Sook Fa คือตัวผู้จัดการชุมชน ที่ทีมงานต้องการขยายผล ในเรื่องการดูแลสุขภาวะ ของผู้คนในชุมชน ทั้ง 4 มิติ  กาย ใจ สังคม และปัญญา โดยเชื่อมโยงกับหลักสูตรที่แอลพีเอ็นมีการพัฒนาคนผ่านแอลพีเอ็นอะคาเดมี่ เพื่อเตรียมบุคคลกรเข้ามารองรับ


"แนวคิดของการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จุดตั้งต้นของแอลพีเอ็น  เราไม่ได้ขายแค่คอนโดฯ แต่เราขายคุณภาพชีวิต คอนโดฯก็เหมือนบ้าน หลังหนึ่ง ที่มีหลายๆห้อง สิ่งที่เรากำลัง ดูแลทุกคนที่อยู่ร่วมกัน ก็คือครอบครัว  แล้วสื่อให้ทีมงานของเรา ได้มีมุมมองว่า ทุกคนคือคนในครอบครัวของเรา เพียงแต่ห้องเยอะหน่อยพี่น้องเยอะหน่อย"


มากไปกว่าทำเล และราคา คุณภาพชีวิตดีๆ คือสิ่งที่ทุกคนคาดหวัง คำว่า ชุมชนน่าอยู่ และสุขภาวะการใช้ชีวิตในทุกมิติ จึงเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มุนษย์คอนโด ไม่ควรมองข้าม และถือเป็นโจทย์ที่ท้าทายไม่น้อยสำหรับการบริหารจัดการชุมชนเมืองในยุคปัจจุบัน


"การที่ต้องดูแล คนที่มาอยู่รวมกัน จำนวนเยอะๆ  ขนาดนี้ ก็ไม่ต่างกับระดับผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นายอำเภอ"

Shares:
QR Code :
QR Code