โทรป่วนศูนย์ช่วยเหลือสังคม เข้าข่ายผิดกฏหมาย
ที่มา : เว็บไซต์เดลินิวส์
แฟ้มภาพ
พม.โชว์สถิติยอดโทรป่วนศูนย์ช่วยเหลือสังคมทะลุ 2 หมื่นกว่าครั้ง เกินครึ่งโทรมาแล้วเงียบ-ร้องเพลง แนะเลิกพฤติกรรมดังกล่าว ชี้เข้าข่ายผิดกฎหมาย
นางสุจิตรา พิทยานรเศรษฐ์ รองโฆษกกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นประธานแถลงผลการดำเนินงานตามภารกิจสำคัญของกระทรวง พม.ในประเด็นปัญหา "โทรป่วน" ศูนย์ช่วยเหลือสังคม 1300 โดย น.ส.ดรุณี มนัสวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ช่วยเหลือสังคม กล่าวว่า สำหรับศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน 1300 เป็นศูนย์กลางในการให้คำปรึกษาแนะนำทางโทรศัพท์ รวมถึงรับแจ้งเรื่องราวร้องทุกข์ และเบาะแสสังคม ใน 10 ประเด็นปัญหาหลักของสังคม อาทิ ปัญหาความรุนแรงในครอบครัว ปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อม ปัญหาการค้ามนุษย์ ปัญหาผู้สูงอายุ และปัญหาคนพิการ เป็นต้น ซึ่งผลการดำเนินการที่ผ่านมาพบว่ามีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนมากจะเป็นปัญหาสังคมด้านความรุนแรงเป็นหลัก ซึ่งจากสถิติการให้ความช่วยเหลือของศูนย์ช่วยเหลือสังคม ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 60 – 31 ก.ค. 61 มีผู้ใช้บริการรวม 84,475 ราย เฉลี่ย 286 รายต่อวัน โดยในจำนวนนี้พบว่ามีจำนวนสายโทรผิดหรือก่อกวน โทรเข้ามา จำนวน 21,541 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 24.8 เฉลี่ยสายโทรผิดก่อกวน 67 ครั้งต่อวัน
น.ส.ดรุณี กล่าวต่อว่า แบ่งเป็น 2 ประเภท ดังนี้ 1.ผู้ใช้บริการที่โทรเข้ามาก่อกวน 14,393 ครั้ง ร้อยละ 16.5 ส่วนใหญ่ผู้ใช้บริการมีพฤติกรรมโทรแล้วเงียบ 3,800 ครั้ง การโทรก่อกวน เช่น ใช้คำหยาบคาย ร้องเพลง 2,727 ครั้ง และผู้ใช้บริการโทรมาสำเร็จความใคร่ 265 ครั้ง และ 2.ผู้ใช้บริการโทรผิด 7,148 ครั้ง ร้อยละ 8.2 นอกจากนั้นพบว่ามีหมายเลขโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาถึง 230 ครั้งในรอบ 1 ปี ซึ่งเป็นหมายเลขเดียวกัน โดยการกระทำดังกล่าวส่งผลให้เสียโอกาสในการให้ความช่วยเหลือผู้ใช้บริการคนอื่น ส่วนแนวทางการปฎิบัติของศูนย์ช่วยเหลือสังคม หากมีพฤติกรรมโทรศัพท์ก่อกวนเจ้าหน้าที่จะเฝ้าสังเกตพฤติกรรมการโทร หากโทรผิดหรือก่อกวนเกิน 10 ครั้ง หัวหน้างานสายด่วนจะแจ้งผู้ดูแลระบบสายด่วนดำเนินการบล็อกหมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าว พร้อมสรุปหมายเลขโทรก่อกวน พร้อมทำหนังสือถึงผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ เพื่อดำเนินการตรวจสอบและป้องปรามพฤติกรรมโทรศัพท์ก่อกวน ทั้งนี้ศูนย์ช่วยเหลือสังคม ขอความร่วมมือประชาชนไม่โทรเข้ามาก่อกวนสายด่วน 1300 โดยหากพบจะมีการดำเนินการทางกฎหมายต่อไป