โจ๋สเปนติดโทรมือถือจนต้องรักษา
จิตแพทย์ชี้โทรวันละ 6 ชม.ถือว่าเข้าขั้น เชื่อมีอีกมากที่เป็น
หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนฉบับออนไลน์ของอังกฤษรายงานว่ามีเด็กชาวสเปน 2 คนถูกส่งตัวเข้าคลินิกจิตเวชเพื่อรักษาอาการติดโทรศัพท์มือถืออย่างหนักถึงขนาดที่ไม่สามารถดำรงชีวิตปกติได้โดยไม่มีโทรศัพท์มือถืออยู่กับตัว
เด็กคนหนึ่งมีอายุ 12 ปี และอีกคน 13 ปี แต่รายงานข่าวไม่ได้ระบุว่าเด็กทั้ง 2 คนนี้เป็นเด็กผู้หญิงหรือผู้ชายเพียงแต่ระบุว่าทั้งคู่น่าจะเป็นคนไข้ 2 รายแรกของประเทศที่ต้องเข้ารับการรักษาที่คลินิกจิตเวชด้วยสาเหตุการติดโทรศัพท์มือถือ โดยผู้ที่นำตัวพวกเขาส่งสถานพยาบาลก็คือผู้ครองของเด็กทั้ง 2 คนนั่นเอง
ผู้ปกครองของเด็กทั้งคู่ระบุว่าพวกเขาไม่ไปโรงเรียนและเมื่ออยู่ลับหลังพ่อแม่เด็กทั้งคู่ก็มักมีพฤติกรรมหลอกลวงญาติ ๆ เพื่อให้ได้เงินมาซึ่งเงินเพื่อนำไปใช้จ่ายซื้อบัตรเติมเงินโทรศัพท์ ทั้งคู่ใช้เวลาเฉลี่ยในการใช้โทรศัพท์มือถือนานประมาณ 6 ชั่วโมงต่อวัน ทั้งพูดคุย ส่งข้อความ และเล่นเกมส์
พญ. maite utgès ผู้อำนวยการศูนย์สุขภาพจิตเด็กและเยาวชนในเมือง lleida ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศสเปน ซึ่งเป็นสถานที่ที่รับเด็กทั้ง 2 คนไว้เพื่อรักษากล่าวว่า “นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เราได้ให้การรักษาเพื่อรักษาการติดโทรศัพท์มือถือโดยเฉพาะ”
“เด็กทั้งคู่มีภาวะอารมณ์แปรปรวนมีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง และไม่ไปโรงเรียน อีกทั้งยังมีปัญหาในการดำรงชีวิตปกติประจำวันไม่ได้อีกด้วย” พญ. utgès กล่าวและว่า “เมื่อระดับการติดมากถึงขนาดนั้นถือเป็นเรื่องยากมากสำหรับเด็กวัยเท่านี้ที่จะต้องหยุดใช้มือถือโดยทันที”
ทั้งนี้ก่อนที่เด็กทั้งคู่จะถูกส่งหาจิตแพทย์และเริ่มการบำบัดรักษาพวกเขาได้โทรศัพท์มือถือมาเป็นของตัวเองและใช้มารโดยไม่มีการควบคุมจากผู้ปกครองเลยเป็นเวลารวมทั้งสิ้น 18 เดือน
“เด็กคนหนึ่งจ่ายค่าโทรศัพท์ด้วยเงินที่ได้มาจากยายและเด็กอีกคนได้มาจากสมาชิกคนอื่น ๆ ในครอบครัวเดียวกัน ทั้งคู่ไม่ได้บอกความจริงว่าเอาเงินไปทำอะไร” พญ. utgès กล่าว
พญ. utgèsซึ่งเป็นจิตแพทย์ผู้รักษาเด็กทั้งคู่ด้วย กล่าวอีกว่าตอนนี้เด็กทั้งคู่กำลังเรียนรู้ที่จะอยู่โดยไม่มีโทรศัพท์มือถือซึ่งเริ่มเรียนมาเป็นเวลา 3 เดือนแล้วแต่คาดว่าอาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปีจึงจะเลิกติดโทรศัพท์ได้สำเร็จ
ด้านนพ.josé martìnez-raga ผู้เชี่ยวชาญด้านการเสพติดของศูนย์แห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ใกล้เมืองวาเลนเซีย กล่าวว่า 2 กรณีนี้อาจะเป็นเพียงแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งหรือส่วนน้อยของปัญหาจริงทั้งหมดที่โผล่ออกมาให้เห็นเท่านั้น และกรณีนี้ถือว่าพ่อแม่มีความกล้าหาญและน่ายกย่องมากที่ตัดสินใจนำเด็กเข้ารับการรักษา
นพ. martìnez-raga กล่าวด้วยว่า การติดมือถือก็เหมือน ๆ กับการติดวิดีโอเกม และสารเสพติดชนิดอื่นๆ ที่ถือว่าเป็นโรคเงียบและสาเหตุที่เป็นโรคเงียบเพราะไม่มีใครยอมพูดอะไรถึงปัญหาและแน่นอนว่าปัญหาเหล่านี้สามารถก่อให้เกิดอันตรายได้หากถูกปล่อยทิ้งไว้
ที่มา : สำนักข่าวต่างประเทศ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สสส.
update 16-06-51