“โกรท แฟคเตอร์” สวยบนความเสี่ยง

สวยจากภายใน ปลอดภัยกว่า

 

เรื่องของความสวย ความงาม กับผู้หญิง ดูเหมือนจะเป็นของคู่กันมาแต่โบราณกาล จากแต่ก่อนที่เคยปรุงโฉมด้วยดอกไม้จากธรรมชาติ อย่างกุหลาบ บุหงารำไป ดินสอพอง และสมุนไพรให้ใบหน้าและผิวพรรณผ่องใส ก็กลับกลายมาใช้วิทยาการสมัยใหม่ที่ทำให้สวยได้ทันใจนึก โดยที่ไม่มีใครสะกิดใจสักนิดเลยว่า วิทยากรสุดล้ำอาจนำภัยมาถึงตัว!

 

ล่าสุดกับเทคโนโลยี โกรท แฟคเตอร์(Growth Factor) ที่เป็นการดูดเลือดจากแขนในปริมาณ 10 ซีซี จากนั้นก็นำเอาเลือดที่ได้ไปปั่น ทำให้เลือดเกิดการแยกออกเป็น 3 ชั้น ได้แก่ ชั้นที่เป็นน้ำใสๆ ชั้นที่เป็นเกล็ดเลือด และชั้นที่เป็นเม็ดเลือด จากนั้นก็ดูดส่วนใช้งานที่เป็นเกล็ดเลือดแล้วนำมาผสมกับวิตามินซี จากนั้นก็ฉีดกลับใบหน้าถึง 22 จุด!!

 

“โกรท แฟคเตอร์” สวยบนความเสี่ยง 

 

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้มีสัญญาณเตือนออกมาจาก พญ.พรทิพย์ ภูวบัณฑิตศิลป กรรมการสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย ที่บอกว่า โดยปกติแล้ว ทางการแพทย์จะนำเกล็ดเลือด ซึ่งมีโกรทแฟคเตอร์อยู่ นำไปฉีดให้คนไข้ที่มีเกล็ดเลือดต่ำ เพื่อเสริมเกล็ดเลือดให้คนไข้ หรือนำส่วนที่มีเม็ดเลือดเยอะๆ ไปให้คนไข้ที่เสียเลือดมาก จากอุบัติเหตุ แต่ปัจจุบัน กลับพบว่า มีนักการตลาดด้านความสวยหัวใสนำโกรท แฟคเตอร์ ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เซลล์ทำงานเป็นปกติ มาฉีดบนใบหน้า ด้วยเชื่อว่าจะสามารถช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ และลดรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า ทั้งที่ความจริงแล้วกระบวนการนี้ ยังไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นไปตามมาตรฐานการรักษาของแพทย์ผิวหนัง และไม่มีงานวิจัยที่ดำเนินการทดสอบกับจำนวนคนที่มากพอจนเป็นที่ยอมรับ จึงมีความเสี่ยงในเรื่องของการติดเชื้อ ความสะอาดและความปลอดภัย

 

ไม่เพียงจะต้องเสี่ยงต่อการติดเชื้อแล้ว ยังต้องเสียเงินเป็นจำนวนมากโดยเปล่าประโยชน์อีกด้วย ดังจะเห็นได้จากข้อมูลที่ปรากฏในหนังสือพิมพ์ทุกฉบับที่ระบุเป็นเสียงเดียวกันว่า การใช้บริการโกรท แฟคเตอร์ 1 คอร์ส จำนวน 5 ครั้ง ต้องใช้เงินเป็นจำนวนกว่าสองหมื่นบาท ในขณะที่บางแห่งราคาสูงถึงหกหรือเจ็ดหมื่นบาทกันเลยทีเดียว ทั้ง ๆ ที่การฉีดโกรท แฟคเตอร์ อาจจะไม่ส่งผลใด ๆ ต่อใบหน้าเลย มิหนำซ้ำผู้ใช้บริการอาจเจ็บตัวฟรี เสียเวลาและเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์…จึงเป็นเรื่องที่น่าคิดว่า คุ้มค่าแล้วหรือที่ต้องแขวนความสวยไว้บนความเสี่ยง!

 

อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงสาธารณสุข ก็ได้ออกมาสั่งระงับการบริการด้วยวิธีดังกล่าวไว้ก่อน จนกว่าแพทยสภาจะมีวินิจฉัยในเรื่องนี้ออกมาว่าถูกต้องตามมาตรฐานวิชาชีพหรือไม่ คงต้องรอดูกันต่อไปว่า เรื่องนี้จะจบลงอย่างไร

 

“โกรท แฟคเตอร์” สวยบนความเสี่ยง 

 

แต่ว่าก็ว่าเถอะ!คนจะงามงามที่ใจ ใช่ใบหน้า…บางครั้งความสวยงามของคนเราก็ไม่ได้อยู่ที่ใบหน้าเสมอไป การที่จะสุขภาพใบหน้าที่ดี แบบไม่เสียสตางค์ก็มีออกเกลื่อนให้เราได้เลือกทำกัน แถมยังมีให้เลือกหลายหนทางอีกด้วย แต่ของบางอย่างมันขึ้นอยู่กับราศรีของแต่ละคนด้วย บางคนรูปร่างหน้าตาภายนอกมองแล้วไม่ค่อยสะค่อยสวยซักเท่าไหร่ แต่กลับมีราศีดี หน้าตาดูผ่องแผ้ว เห็นกี่ที ๆ ก็ไม่มีวันเบื่อ แต่กลับบางคนหน้าตาสะสวยแต่ไม่มีราศรี ก็ทำให้มัวหมองลงไปได้เหมือนกัน

 

เมื่อพูดถึงสง่าราศรีนึกถึงคำโบราณที่เคยทิ้งปริศนาคำคมเอาไว้ให้มนุษย์รู้จักที่จะบำรุงรักษาตัวเองว่า เช้าราศรีอยู่ที่ไหน เที่ยงราศรีอยู่ที่ไหน และตอนค่ำราศรีเรานั่นอยู่ที่ไหน ซึ่งคำเฉลยก็อยู่ที่ร่างกายของมนุษย์นั้นเอง โดยเวลาเช้าราศีอยู่ที่หน้า…เพราะหลังจากที่เรานอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่มาตลอดทั้งคืน ก็ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อชำระล้างเหงื่อไคลที่เกาะติดอยู่ตามใบหน้าให้ออกไป โดยการล้างนั้นก็ควรทำอย่างเบามือ ไม่ถูผิวหน้าแรง ๆ เพราะจะทำให้เกิดริ้วรอยย่นก่อนวัย ซึ่งการทำความสะอาดผิวหน้า ถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด เพราะถ้าเราล้างทำความสะอาดหน้าได้ไม่ดีพอ ก็จะเป็นสาเหตุให้เกิดสิว ฝ้า และจุดด่างดำได้

 

ส่วนเวลาเที่ยงราศรีอยู่ที่อก…มนุษย์จึงต้องปะพรมน้ำหรือเครื่องผอมที่อกของตน เพราะอากาศในตอนเที่ยงนั้นค่อนข้างร้อน ทำให้มีเหงื่อออกมาก คนเราจึงต้องหาน้ำหรือเครื่องหอม มาเพื่อปะพรมให้ร่างกายเกิดความสดชื่นแจ่มใสอยู่เสมอ และสุดท้ายตอนค่ำนั้นราศรีอยู่ที่เท้า…เพราะเราใช้งานเท้าอย่างหนักหน่วงมาตลอดทั้งวัน ทำให้เท้าดำ เต็มไปด้วยฝุ่น ผง ละอองต่าง ๆ มนุษย์จึงต้องล้างเท้าก่อนนอน

 

“โกรท แฟคเตอร์” สวยบนความเสี่ยง 

 

ไม่เพียงเท่านี้ การสร้างเสริมราศีให้กับร่างกาย ด้วยการนอนหลับพักผ่อนอย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง ออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน อย่างน้อยวันละ 15-30 นาที และการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ก็ช่วยเสริมราศีให้กับเราได้มากยิ่งขึ้น ที่สำคัญอย่าลืมทำจิตใจให้สบายด้วย เพราะราศรีของคนจะอยู่แค่ที่หน้าตา ร่างกาย หรือเสื้อผ้าที่สวมใส่นั้นคงไม่พอ ลองสังเกตดูว่า เวลาที่เราเครียด โกรธ โมโห จิตใจก็จะขุ่นมัว แต่หากทำใจให้สบาย และมองโลกในมุมบวก หน้าตาเราก็จะสดชื่นผ่องใสได้ตลอดทั้งวัน ไม่เชื่อต้องลองดู!!

 

เรียกได้ว่า สวยจากภายใน ก็น่าจะดีกว่า เพราะทั้งประหยัดและปลอดภัย ดีกว่าไปแขวนความสวยไว้บนวิทยาการที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง คุณว่าไหม?

 

 

 

 

 

 

 

 

เรื่องโดย : อารยา สิงห์สวัสดิ์ Team content www.thaihealth.or.th

 

 

Update 28-01-53

 

อัพเดทเนื้อหาโดย : อารยา สิงห์สวัสดิ์

 

Shares:
QR Code :
QR Code