แอปฯ ฮุกกะ (HYGGE) จัดการคิวคนไข้ ลด รพ.แออัด

ที่มา :  ผู้จัดการรายวัน 360 องศา


แอปฯ ฮุกกะ (HYGGE)' จัดการคิวคนไข้ ลด รพ.แออัด thaihealth


แฟ้มภาพ


คนไข้ล้นโรงพยาบาลรัฐกลายเป็นภาพคุ้นชินของสัมคมไทย ที่ผู้ป่วยและญาติต้องมาโรงพยาบาลแต่เช้า เพื่อที่จะมานั่งรอรับการตรวจ แม้จะเป็นผู้ป่วยนัดที่เวลานัดไม่ได้เป็นเวลาเช้า ก็ต้องรับมาเพราะหากได้คิวหลังๆ ก็ต้องรอกันยาวกว่าจะได้รับการตรวจ ยิ่งหากเป็นคนไข้วอล์กอินที่ไม่ได้นัดมาก่อน แต่หวังเข้ามารับการตรวจรักษา ก็ยิ่งต้องมาแต่เช้าเพื่อให้ได้คิวอันดับต้นๆ


ยิ่งรอก็ยิ่งเหนื่อย ยิ่งรอก็ยิ่งหงุดหงิดอารมณ์เสีย เพราะไม่กล้าที่จะลุกไปไหนจากบริเวณจุดบริการ เพราะกลัวเลยคิวที่พยาบาลจะเรียก สุดท้ายกลายเป็นความแออัดหน้าห้องตรวจ และเกิดคำถามขึ้นว่า โรงพยาบาลจะมีวิธีบริหารจัดการคิวที่ดีกว่านี้ได้หรือไม่


          เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ผู้ป่วยที่คิด แต่บุคลากรในโรงพยาบาลก็คิดเช่นกัน ว่าจะต้องปรับระบบการบริหารจัดการคิวให้มีประสิทธิภาพ เพื่อลดระยะเวลาการรอคอย และลดความแออัดของโรงพยาบาลลง เช่นเดียวกับบุคลากรของโรงพยาบาลราชบุรี ที่เห็นถึงปัญหาของระบบคิว จึงอาศัยเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการพัฒนาระบบคิวผ่านแอปพลิเคชั่น


นพ.ณรงค์ เห็นประเสริฐแท้ รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์คนที่ 2 รพ.ราชบุรี เล่าว่า ขณะนี้ รพ.ราชบุรี ได้พัฒนาแอปพลิเคชันที่ชื่ว่า "ฮุกกะ (HYGGE)" ซึ่งเป็นภาษาสวีเดน โดยเป็นแอปพลิเคชันที่เข้ามาช่วยเรื่องของการบริหารจัดการคิวผู้ป่วยของโรงพยาลให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นพัฒนาโดยน้องๆ ในทีมของโรงพยาบาลที่เล็งเห็นถึงปัญหา และพัฒนาแอปพลิเคชันตัวนี้ขึ้น และนำไปส่งประกวดระดับประเทศ จนได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่งมา ซึ่งโดยหลักการเป็นเรื่องที่ดี แต่การจะนำมาใช้จริงกับโรงพยาบาลจะต้องมีการดำเนินการ ซึ่งตอนแรก รพ.ราชบุรี ตั้งใจว่าจะนำแอปพลิเคชันดังกล่าวมาใช้หลังจากดำเนินการเรื่องโอพีดีการ์ดสแกน หรือการเปลี่ยนบัตรโอพีดีการ์ดจากรูปแบบของกระดาษมาเป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด เพื่อความสะดวกและลดการใช้กระดาษให้ได้ 80-90% ก่อน


นพ.รณงค์ กล่าวว่า แต่ จากช่วง ธ.ค. 2560 ทราบว่าทางเขตสุขภาพที่ 5 ซึ่งดูแลจังหวัดราชบุรีด้วยนั้น มีงบประมาณให้ จึงส่งทีมงานไปนำเสนอโครงการ ซึ่งปรากฎว่า ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เขตสุขภาพที่ 5 ซื้อไอเดียนี้ แต่ไม่ได้ให้ รพ.ราชบุรีเริ่มก่อน แต่ให้เริ่มทำระบบฮุกกะนี้ใน 16 โรงพยาบาลใหญ่ของเขตสุขภาพที่ 5 ซึ่งขณะนี้แอปพลิเคชันก็รองรับทั้ง 16 โรงพยาบาล รวม รพ.ราชบุรีแล้ว และประชาชนสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันมาใช้งานได้แล้วในระบบแอนดรอยด์ ส่วนระบบไอโอเอสอยู่ระหว่างการพัฒนา


สำหรับการใช้แอปพลิเคชัน "ฮุกกะ" นั้น นพ.ณรงค์ อธิบายว่า เมื่อดาวน์โหลดแอปพลิเคชันมาแล้วจะยังไม่สามารถใช้งานได้ จำเป็นที่จะต้องมาลงทะเบียนการใช้งานกับโรงพยาบาลก่อน ซึ่งประชาชนสามารถลงทะเบียนการใช้งานที่โรงพยาบาลใดก็ได้จาก 16 โรงพยาบาลของเขตสุขภาพที่ 5 โดยแอปพลิเคชันจะแบ่งออกเป็น 4 โมดูลด้วยกันคือ  1. ข้อมูลทั่วไปของผู้ป่วย ซึ่งหลังจากที่ลงทะเบียนก็จะเชื่อมกับโรงพยาบาล โดยในส่วนนี้จะเป็นข้อมูลทั่วไปของผู้ป่วย เช่น ชื่อ นามสกุล อายุ เพศ การแพ้ยาต่างๆ เป็นต้น 2. คิวบริการ อย่างที่บอกว่าการลงทะเบียน ใช้งานสามารถลงทะเบียนที่โรงพยาบาลใดก็ได้ และเมื่อจะรับบริการที่โรงพยาบาลใด เมื่อเข้ามาในแอปพลเคชันในส่วนของโมดูที่ 2 จะมีรายชื่อโรงพยาบาลทั้ง 16 แห่ง ให้เลือกรับบริการ เช่น จะมารับบริการ รพ.ราชบุรี ก็ให้กดเลือก รพ.ราชบุรี เพื่อเข้าสู่ระบบคิวของ รพ.ราชบุรี หรือจะรับบริการที่ รพ.พระจอมเกล้า ก็กดเลือก รพ.พระจอมเกล้า เพื่อเข้าระบบคิว รพ.พระจอมเกล้า


"สำหรับระบบการบริหารจัดการคิวนั้นจะใช้กับจุดที่มีการออกคิว อย่างของ รพ.ราชบุรี ขณะนี้หลักๆ ที่ใช้จะมี 2 จุดคิอ จุดเวชระเบียน และจุดจ่ายยาหรือเภสัชกรรม ซึ่งเมื่อได้รับบัตรคิวที่เป็นกระดาษ จะมีคิวอาร์โคดให้สแกน ก็สามารถใช้แอปพลิเคชั่นในโมดูลที่สองนี้ และกดเลือก รพ.ราชบุรี และสแกนบัตรคิวนี้เข้าสู่แอปพลิเคชัน ซึ่งจะมีความเป็นเรียลไทม์ว่าขณะนี้ถึงคิวที่เท่าไหร่แล้ว ใกล้ถึงคิวของเราแล้วหรือยัง ทำให้ผู้มารับบริการสามารถเดินทางไปไหนมาไหน หรือไปทำธุระอะไรก่อนก็ได้ โดยไม่จำเป็นจะต้องนั่งรอ ณ จุดบริการตรงนั้น ซึ่งก็จะช่วยลดความแออัดลงไปได้ โดยในอนาคตก็จะขยายไปยังจุดรับบริการแผนกอื่นๆ หรือคลินิกต่างๆที่มีคิวบริการ ซึ่งอย่างบางจุดที่เชื่อมกันได้ ก็จะให้เป็นคิวบริการเดียวกัน" นพ.ณรงค์ กล่าว


นพ.ณรงค์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ในโมดูลที่สองยังมีบาร์โค้ดใช้แทนบัตรประชาชนได้ ในขั้นตอนที่ไม่เกี่ยวกับการเบิกจ่ายด้วย ส่วนการจองคิวล่วงหน้านั้นรพ.ราชบุรีมีระบบจองคิวออนไลน์อยู่แล้ว ซึ่งในอนาคตก็จะพัฒนาเข้ามาอยู่ในระบบของแอปพลิเคชันด้วย อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากผู้ป่วยแล้ว สว่นใหญ่ร้อยละ 60-70 จะเป็นผู้ป่วยนัดอยู่แล้ว อีกร้อยละ 30 เป็นผู้ป่วยวอล์กอิน เช่นมาครั้งนี้แล้วนัดอีกทีสัปดาห์หน้า ก็จะพัฒนาให้ระบุการนัดลงในแอปพลิเคชัน เพื่อครั้งหน้าที่มาจะได้มายังจุดบริการตามคิวและเวลาที่ระบุไว้เลย แต่การพัฒนาตรงนี้ยังค่อนข้างยาก เพราะแต่ละคลินิกในโรงพยาบาลก็มีความแตกต่างกัน ตรวนี้ทางแพทย์พยาบาล แต่ละคลินิกต้องมานั่งหารือกับฝ่ายไอทีว่าจะจัดการการนัดคิวอย่างไร ใช้เวลาแต่คิวเท่าไหร่เพื่อลงเวลานัด และทำให้แอปพลิเคชันมีประสิทธิภาพมากที่สุด


นพ.รณงค์ กล่าวว่า 3. รายการยา ซึ่งหลังจากมารับบริการแล้ว หากได้รับยาจะมีการบันทึกว่าได้รับยาอะไรบ้าง มีรูปภาพให้ดูว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ต้องกินตอนไหน อนาคตจะมีการพัฒนาให้แจ้งเตือนได้ว่าถึงเวลากินยาแล้วหรือไม่ด้วย อย่างไรก็ตาม ตรงนี้จะมีประโยชน์ตรงที่หากเราลืมพกยาเวลาเดินทางหรือเกิดทำยาหาย ก็สามารถนำรูปภาพยาไปซื้อที่ร้านขายยาหรือโรงพยาบาลได้ และ 4.ข้อมูลการรับบริการ หรือ Medical Record ส่วนนี้ยังไม่ดำเนินการ เพราะเป็นเรื่องความลับของผูป่วย แต่เมื่อเปิดใช้ในส่วนที่ 4 ก็ต้องมีการลงทะเบียนหรือเซ็นยินยอมแบบบัตรเครดิต


"การพัฒนาแอปพลิเคชันนี้ไม่ได้ใช้งบประมาณอะไรเลย เพราะน้องๆ ในทีมของโรงพยาบาลตั้งใจพัฒนาขึ้นเอง แต่ในเรื่องของหน่วยความจำก็จะอาศัยการเช่าระบบ Cloud เดือนละประมาณหลักพันบาท และอาจมีการใช้งยประมาณในส่วนของการซื้อโทรทัศน์และสายเชื่อมเท่านั้น เพราะแม้ระบบคิวเราจะใช้ฮุกกะ แต่ก็ต้องคำนึงถึงคนที่ไม่ใช้แอปพลิเคชัน หรือไม่มีโทรศัพท์มือถือด้วย ซึ่งก็สามารถดูคิวได้ผ่านจอโทรทัศน์ ไม่ว่าจะอยู่ในส่วนใดของโรงพยาบาลก็ตาม แทนที่จะนั่งรอ ตอนนี้ก็เหมือนเดิมในสนามบินจะเดินไปไหนก็ได้ เพราะมีโทรทัศน์ในมอนิเตอร์ได้ตลอดเวลา คิวไปเท่าไหร่แล้ว และอนาคตจะพัฒนาระบบแจ้งเตือนให้ด้วย รวมถึงอาจมีการประสานไปยังห้างสรรพสินค้าที่อยู่ข้างๆโรงพยาบาลในการขอติดตั้งโทรทัศน์เพื่อประกาศคิวด้วย ซึ่งก็จะได้ประโยชน์ทั้งโรงพยาบาลและห้างสรรพสินค้า เพราะคนก็มาซื้อของหรือมาเดินรอคิวเรียกว่าชีวิตใกล้ความเป็นสนามบิน ใกล้ความเป็น รพ.เอกชนมากขึ้น จากกานำระบบไอทีเช่นนี้มาใช้" นพ.ณรงค์ กล่าว


ทั้งนี้ ระบบฮุกกะและแอปพลิเคชันกำลังอยู่ในช่วงขยายไปยัง 66 โรงพยาบาลชุมชนของเขตสุขภาพที่ 5 และหากมีการดำเนินการได้ดี พัฒนาแอพลิเคชันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็น่าสนใจว่ากระทรวงสาธารณสุข (สธ.) อาจเลือกให้นำมาใช้ในการบริการจัดการคิวของโรงพยาบาลในสังกัดหรือไม่ เพราะนอกจากใช้สแกนบัตรคิว มอนิเตอร์คิวแล้ว ยังสามารถพัฒนาไปสู่การแจ้งเตือนเมื่อใกล้ถึงคิว การนัดคิวผู้ป่วยล่วงหน้า รายละเอียดเรื่องของการใช้ยา และข้อมูลการรับบริการของผู้ป่วยที่สามารถนำไปต่อยอดได้อีก

Shares:
QR Code :
QR Code