แพทย์เผยพฤติกรรมติดโซเชียล 3 แบบ
ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด
แฟ้มภาพ
หมอเบรกกระแสคนติดโลกโซเชียล ชี้เป็นโรคทางจิตเวช-ควรบำบัด
นต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต เผยว่า ปัจจุบันคนทั่วโลกมีแนวโน้มจะติดโลกโซเชี่ยลมากขึ้น คือ การไม่อยากอยู่อย่างโดดเดี่ยว, ต้องการการมีตัวตนมากกว่าที่เป็นอยู่ มากกว่าที่คิด, มีความอยากรู้อยากเห็นเรื่องคนอื่น พอๆ กับต้องการให้คนอื่นรู้เรื่องของตน และการโหยหาแรงสนับสนุนและการยอมรับจากสังคม
น.ต.นพ.บุญเรืองกล่าวต่อว่า ทั้งนี้มีรายงานการศึกษาผลกระทบจาการติดโซเชี่ยล พบว่า ทำให้เกิดความชุกที่จะเสพติดอาหารและช็อปปิ้งร้อยละ 29.5 มีปัญหาภาวะซึมเศร้า ร้อยละ 27.7 และเกิดอาการวิตกกังวล อารมณ์แปรปรวน ร้อยละ 21.1 นอกจากนี้ ยังพบว่า ก่อให้เกิดผลเสียต่อตัวเองและสังคมที่รุนแรงในแต่ละช่วงวัย เช่น กลุ่มวัยก่อนเรียน พบปัญหาสมาธิสั้น สูญเสียทักษะสังคม ฯลฯ กลุ่มวัยเรียน มีปัญหาด้านความรุนแรง อ้วน สายตาเสีย ฯลฯ กลุ่มวัยรุ่น เกิดค่านิยมการบริโภคติดอินเตอร์เน็ต การรังแกกันทางโซเชี่ยล การล่อลวงค่านิยม และพฤติกรรมทางเพศ ผิดปกติ เป็นต้น
ปัจจุบันได้บรรจุการติดโซเชี่ยล เป็นโรคทางจิตเวชประเภทหนึ่งที่ต้องได้รับการวินิจฉัย และบำบัด โดยแบ่งประเภทของการติดโซเชี่ยลมีเดีย เป็น 3 แบบ คือ ติดสาระ เช่น ติดเกม ติดพนัน ติดสัมพันธ์ เช่น ติดเฟซบุ๊ก และติดอุปกรณ์ เช่นติดรุ่นของสมาร์ตโฟน หากสงสัยว่าติด โซเชี่ยล ให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ สายด่วนสุขภาพจิต 1323
นต.นพ.บุญเรืองกล่าวด้วยว่า แนวทางที่ผ่านเป็นแนวทางการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ดังนั้นจึงได้มีการระดมนักวิชาการเพื่อหาทางออกในเรื่องนี้อย่างจริงจังมากขึ้นในเวทีการประชุมวิชาการสุขภาพจิตนานาชาติที่ผ่านมา ผลมีการเสนอให้เพิ่มหลักสูตรการศึกษาพื้นฐาน ให้เด็กรุ่นใหม่มีภูมิคุ้มกันในการใช้งานอินเตอร์เน็ต เพื่อให้เด็กรู้เท่าทัน ตระหนักถึงผลเสียจากการใช้โซเชี่ยลที่ไม่ถูกต้อง รวมทั้งเรียนรู้วิธีการใช้อย่างเหมาะสม และจะต้องเพิ่มการให้ คำแนะนำพ่อแม่ที่ศูนย์คลินิกเด็กดี ศูนย์เด็กเล็กและร.ร.อนุบาลให้เข้าใจผลเสีย และไม่ควรให้ลูกได้อุปกรณ์ จอใสก่อนอายุ 5 ขวบ