แพทย์เตือนฮีทสโตรกสี่ยงเสียชีวิต
ที่มา : สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
แฟ้มภาพ
แพทย์เตือนฮีทสโตรก หรือโรคลมร้อนเสี่ยงเสียชีวิตกลุ่มเสี่ยงต้องเฝ้าระวังอาการผิดปกติ
จากรณีที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้คาดการณ์ว่าประเทศไทยจะมีอุณหภูมิสูงขึ้นกว่าทุกๆ ปี ซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มของอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และหากร่างกายปรับสภาพไม่ทันจะเกิดการเจ็บป่วยและเสียชีวิตได้ง่าย ทั้งนี้อาการที่รุนแรงจนอาจเสียชีวิตได้แก่เพลียแดดโรคลมร้อนหรือฮีทสโตรก(HeatStroke) ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการอ่อนเพลียคลื่นไส้อาเจียน ไม่มีเหงื่อออก ตัวร้อนจัด ปวดศีรษะ ชีพจรเต้นเร็ว ความดันโลหิตลดลง และอาจเสียชีวิตได้ทันที ทุกปีจะมีผู้ป่วยโรคเหตุปัจจัยจากความร้อนเข้ามารับการรักษาในโรงพยาบาลเฉลี่ยปีละประมาณ3,500ราย
นายแพทย์ธีรวัฒน์ วลัยเสถียร ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จังหวัดขอนแก่น เผยสภาพอากาศที่ร้อนจัดเสี่ยงต่ออาการฮีทสโตรก (Heatstroke) หรือโรคลมร้อน เป็นภาวะวิกฤตที่ร่างกายไม่สามารถปรับตัวหรือควบคุมระดับความร้อนภายในร่างกาย หากไม่สามารถระบายความร้อนได้ต่อเนื่อง จะทำให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้เกิดอาการปวดศีรษะหน้ามืด เพ้อชัก ไม่รู้สึกตัว หายใจเร็ว หัวใจเต้นผิดจังหวะ ช็อก หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจทำให้เสียชีวิตได้ ย้ำเตือนกลุ่มเสี่ยงเป็นโรคลมร้อนได้สูงกว่าคนทั่วไป ได้แก่ 1.ผู้ที่ทำงานหรือทำกิจกรรมกลางแดด 2.เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบและผู้สูงอายุเนื่องจากร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนได้ดีเท่าคนหนุ่มสาว 3.ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงซึ่งมีปัญหาการทำงานของหัวใจและหลอดเลือดเดิมอยู่แล้ว 4.คนอ้วน 5.ผู้ที่อดนอนโดยร่างกายของคนอ้วนและผู้ที่อดนอนจะตอบสนองต่อความร้อนที่ได้รับช้ากว่าปกติโดยเฉพาะในคนอ้วนจะมีไขมันใต้ผิวหนังมากไขมันจะเป็นฉนวนกันความร้อนร่างกายจะเก็บความร้อนได้ดีและระบายความร้อนออกได้น้อยกว่าคนทั่วไป จึงเกิดปัญหาได้ง่ายและ 6.ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะทำให้เส้นเลือดฝอยที่อยู่บริเวณใต้ผิวหนังขยายตัวได้มากขึ้น ส่งผลให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่สูงกว่าคนที่ไม่ได้ดื่ม
ขณะเดียวกันในสภาพอากาศที่ร้อนจัด แอลกอฮอล์จะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดได้รวดเร็ว และออกฤทธิ์กระตุ้นหัวใจให้สูบฉีดเลือดเร็ว และแรงขึ้น มีผลทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น หัวใจทำงานต้องหนัก เพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายอาจทำให้ช็อค และเสียชีวิตได้ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อสุขภาพ 4 ระดับคือ 1.ทำให้ผิวหนังไหม้ 2.ตะคริว เนื่องจากสูญเสียน้ำและเกลือแร่ไปกับเหงื่อมาก 3.อาการเพลียแดดเนื่องจากสูญเสียเหงื่อมากเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อลดลงจะมีอาการหน้าซีดปวดศีรษะคลื่นไส้อาเจียนหน้ามืดตาลายและ 4.เป็นลมร้อน(HeatStroke) เนื่องจากได้รับความร้อนมากหรือนานเกินไปตัวจะร้อนจัด สมองไม่สามารถควบคุมการทำงานของอวัยวะภายในร่างกายได้จะมีอาการสำคัญที่ต่างจากอาการเป็นลมแดดทั่วๆ ไปคือตัวร้อนจัด ผิวหนังจะแห้งไม่มีเหงื่อออก มีอาการผิดปกติระบบประสาท เช่น เดินเซกระสับกระส่ายหมดสติชีพจรเต้นเร็ว ช็อค หากไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างทันท่วงทีจะทำให้เสียชีวิตได้ การช่วยเหลือผู้ที่มีอาการเป็นลมร้อนให้นอนราบ ยกเท้าสูง ทั้งสองข้างเพื่อให้เลือดไหลเวียน ไปเลี้ยงสมองมากขึ้นคลายชุดชั้นในและถอดเสื้อผ้าออกให้เหลือน้อยชิ้น ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบตามซอกคอตัวรักแร้ ขาหนีบหน้าผากร่วมกับการใช้พัดลมช่วยเป่าระบายความร้อนหรือใช้น้ำเย็นราดตัว เพื่อลดอุณหภูมิของร่างกายให้ต่ำลงและรีบส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด
การป้องกันอันตรายจากโรคลมร้อนในช่วงที่มีอากาศร้อน แนะนำให้สวมใส่เสื้อผ้าสีอ่อน ไม่หนา ระบายความร้อนได้ดี ควรอยู่ภายในบ้านเช่นใต้ถุนบ้าน หรืออยู่ใต้ร่มไม้ ลดกิจกรรมที่ต้องออกแรงกลางแจ้ง สวมแว่นกันแดด สวมหมวกปีกกว้าง ควรดื่มน้ำมากกว่าปกติ หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด อย่าทิ้งเด็กผู้สูงอายุหรือสัตว์เลี้ยงไว้ในรถที่จอดอยู่กลางแจ้ง ความร้อนภายในรถจะมีโอกาสเสี่ยงสูงมาก ส่วนผู้ที่ออกกำลังกาย ควรเลือกในช่วงเช้าหรือช่วงเย็น เนื่องจากเป็นช่วงที่อากาศไม่ร้อนมากและควรมีการอบอุ่นร่างกายก่อนทุกครั้ง ผู้ที่มีโรคประจำตัวหากมีอาการผิดปกติ เช่นวิงเวียน ปวดศีรษะ ใจสั่น ขอให้พบแพทย์หรือโทรปรึกษาสายด่วน 1669 ตลอด 24 ชั่วโมง