แนะ 5 กลุ่มเสี่ยงตรวจตาป้องกัน“ต้อหิน”
ที่มา : เว็บไซต์ ASTV ผู้จัดการออนไลน์
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
แฟ้มภาพ
“กรมการแพทย์” เตือน 5 กลุ่มเสี่ยง ตรวจวัดความดันลูกตาและขั้วประสาทตา เหตุเสี่ยงเกิดโรคต้อหิน
นพ.ปานเนตร ปางพุฒิพงศ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคต้อหินเป็นโรคทางตาที่เป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาตาบอดมากเป็นอันดับ 2 รองจากต้อกระจก ซึ่งต้อหินเกิดจากความดันภายในลูกตาสูงไปกดขั้วประสาทตา ทำให้ขั้วประสาทตาเสื่อม หรือฝ่อ เนื่องจากขาดเลือดไปเลี้ยงและลานสายตาแคบลง พบได้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงผู้สูงอายุ ทั้งในเพศชายและหญิง มักพบมากในคนที่มีอายุประมาณ 40 – 60 ปี ต้อหินเป็นโรคทางตาที่มีอันตรายมากที่สุด เพราะทำให้ตาบอดถาวรได้ เนื่องจากขั้วประสาทตาที่เสื่อม หรือฝ่อแล้วไม่สามารถทำการรักษาให้ดีเหมือนเดิมได้ สาเหตุของการเกิดต้อหิน คือ เกิดจากความผิดปกติของโครงสร้างของมุมตาแต่กำเนิด การกระทบกระเทือนต่อลูกตาจากสาเหตุภายนอก หรือเกิดจากการอักเสบภายในลูกตา
นพ.ปานเนตร กล่าวว่า ต้อหินมี 2 ประเภท คือ ต้อหินชนิดมุมปิด หรือชนิดเฉียบพลันเกิดจากมีการขัดขวางการไหลเวียนของน้ำในลูกตาที่เกิดขึ้นเฉียบพลัน จะมองเห็นสีรุ้งรอบดวงไฟ จะปวดตามาก ตาแดง ปวดศีรษะด้านตาข้างที่เป็น ลืมตาไม่ขึ้น บางรายมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ผู้ป่วยควรมาพบแพทย์โดยเร็ว หากปล่อยทิ้งไว้เกิน 2 – 3 วัน อาจตาบอดได้ ต้อหินชนิดมุมเปิด เกิดจากการสร้างน้ำในตาไม่ปกติ หรือรูเปิดระบายน้ำออกผิดปกติ ไม่มีอาการผิดปกติ ไม่เจ็บ ไม่ปวด ผู้ป่วยกลุ่มนี้จึงมาพบแพทย์ช้า ผู้ป่วยจะมีลานสายตาแคบลงมองด้านข้างไม่เห็น มักเดินชนของ จึงเริ่มมาพบแพทย์เมื่อเป็นมากแล้ว
“วิธีป้องกันโรคต้อหิน แนะนำให้ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นต้อหิน คนสายตาสั้นหรือยาวมาก ผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคเกี่ยวกับเลือดและหลอดเลือด และผู้ที่ใช้ยาหยอดตาพวกสเตียรอยด์ ควรเข้ารับการตรวจวัดความดันลูกตา และขั้วประสาทตาบ้าง และอาจตรวจซ้ำๆ ทุกๆ 1 – 5 ปี เพื่อไม่ให้ประสาทตาเสื่อมมากขึ้น ทั้งนี้ ปัจจุบันการรักษาโรคต้อหินทำได้หลายวิธี เช่น ใช้ยาหยอดตา รับประทานยา ยิงแสงเลเซอร์ ผ่าตัด แต่เป็นเพียงการระงับไม่ให้ประสาทตาถูกทำลายไปมากกว่าเดิม เพราะไม่สามารถรักษาให้ส่วนที่เสื่อมแล้วกลับมามองเห็นได้อีกครั้งเหมือนการรักษาต้อกระจก ซึ่งแต่ละวิธีมีข้อจำกัดขึ้นอยู่กับผู้ป่วยและประเภทของต้อหิน” รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าว
นพ.ปานเนตร กล่าวว่า ผู้สูงอายุนอกจากเสี่ยงเป็นโรคต้อหินแล้ว ยังเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนสรีระทางสายตาเข้าสู่ภาวะสายตายาว หรือสายตาคนแก่ หากไม่ได้สวมแว่นสายตาช่วยจะต้องใช้กล้ามเนื้อตาเพ่งมองนานกว่าปกติ กล้ามเนื้อตาล้า และปวดเมื่อยตามากยิ่งหากใช้แท็บเล็ต หรือ สมาร์ทโฟน ที่มีขนาดตัวหนังสือเล็กๆ จะทำให้กล้ามเนื้อภายในและภายนอกลูกตาหดตัว เพื่อปรับระยะโฟกัสและมุมตามองใกล้ จึงขอแนะนำให้ดูแท็บเล็ต หรือ สมาร์ทโฟน ที่มีตัวอักษรขนาดใหญ่ มองแล้วสบายตาที่สุดตัวอักษรสีดำ พื้นจอสีขาว เพื่อถนอมสายตาให้อยู่ได้นานๆ