แนะ 2 เทคนิคหายใจ ลดความเครียด

ที่มา : เว็บไซต์ไทยโพสต์ออนไลน์


แนะ 2 เทคนิคหายใจ ลดความเครียด thaihealth


แฟ้มภาพ


               หมอแนะวิธีคลายเครียดด้วยการหายใจแบบพิเศษ 2 แบบ ช่วยปรับสภาวะจิตใจให้เป็นปกติ รู้สึกกระฉับกระเฉง แก้อาการง่วง ขณะเดียวกันยังป้องกันการเกิดโรคทางกาย ที่เป็นผลกระทบจากจิตใจ เช่น โรคมะเร็ง โรคความดันโลหิตสูงได้


               นพ.กิตต์กวี โพธิ์โน ผู้อำนวยการโรงพยาบาล (รพ.) จิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ จ.นครราชสีมา กล่าวว่า วิธีการสังเกตง่ายๆ ที่จะรู้ว่าตนเองหรือคนรอบข้างเครียดหรือไม่นั้น ที่เห็นชัดเจนที่สุดคือการแสดงออกของอารมณ์ ผู้ที่มีความเครียดมักจะมีอารมณ์หงุดหงิด ฉุนเฉียวง่าย โมโหง่าย เนื่องจากความอดทนต่ำลง เมื่อเกิดความเครียดมักจะควบคุมตัวเองได้น้อยลง โดยขณะที่เกิดความเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่เป็นสารแห่งความทุกข์ออกมา จะมีผลให้การทำงานของอวัยวะภายใน เช่น หัวใจเปลี่ยนแปลง หัวใจเต้นแรงและเร็วกว่าปกติ คือจากนาทีละ 60-80 ครั้ง จะเพิ่มเป็น 100-120 ครั้ง มีอาการใจสั่น ถอนหายใจบ่อย และมีผลให้กล้ามเนื้อหดเกร็ง เกิดอาการปวดหลัง ปวดไหล่ คิ้วขมวดหรือที่เรียกว่าคิ้วผูกโบ ซึ่งเห็นกันได้บ่อย บางคนหากเครียดมากอาจทำให้ท้องเสียได้เช่นกัน


               ประชาชนสามารถแก้ความเครียดได้หลายวิธี เช่น นอกจากออกกำลังกาย ทำงานอดิเรกที่ชอบ ดูหนัง ฟังเพลงแล้ว ยังมีวิธีใกล้ตัวที่สามารถปฏิบัติได้ทันทีเมื่อเกิดความรู้สึกไม่สบายใจ จะเรียกว่าเป็นอาวุธประจำตัวก็ได้ ทำได้ทุกคน ทุกอาชีพ คือการใช้วิธีคลายเครียดด้วยการหายใจแบบพิเศษ 2 แบบ แบบที่ 1 คือการหายใจแบบสลับรูจมูก และแบบที่ 2 คือการหายใจเข้าทางจมูกและหายใจออกทางปาก สามารถนำมาใช้ในสภาวะจิตใจปกติก็ได้ ทั้ง 2 แบบนี้ให้ผลดีทั้งใจและกายพร้อมกัน


               สำหรับการหายใจแบบสลับรูจมูก ทำได้ดังนี้ 1.ใช้นิ้วหัวแม่มือข้างขวา หรือมือข้างที่ถนัด กดที่รูจมูกข้างขวา แล้วหายใจเข้าออกทางรูจมูกข้างซ้าย 2.ใช้นิ้วหัวแม่มือข้างที่ถนัดกดที่รูจมูกข้างซ้าย และหายใจเข้า-ออกทางรูจมูกข้างขวา ทำสลับกันทั้ง 2 ข้างไปเรื่อยๆ การหายใจแบบนี้นอกจากจะช่วยให้โพรงจมูกทั้ง 2 ข้างทำงานสมดุลกันแล้ว จะช่วยให้เรามีสติ จดจ่อที่ลมหายใจมากขึ้น และจับความรู้สึกในการหายใจง่ายขึ้น


               ส่วนการหายใจแบบที่ 2 คือการหายใจเข้าทางจมูกและหายใจออกทางปาก วิธีการคือให้สูดลมหายใจเข้าทางจมูกเข้าอย่างช้าๆ ลึกๆ แล้วกลั้นไว้สักครู่ จากนั้นให้เป่าลมหายใจออกทางปากแรงๆ ทำซ้ำแบบนี้ไปเรื่อยๆ การหายใจแบบนี้จะเป็นการฝึกการทำงานของปอด การหายใจเข้าอย่างช้าๆ ลึกๆ จะทำให้ลมหายใจเข้าไปเต็มปอด การกลั้นลมหายใจจะได้ประโยชน์จะเป็นการเพิ่มเวลาการแลกเปลี่ยนออกซิเจนที่อยู่ในเลือดที่ปอดได้นานขึ้น ส่วนการพ่นลมหายใจออกมาทางปากแรงๆ จะเป็นการช่วยฝึกความดันของปอดด้วย ผลดีของการหายใจแบบนี้จะทำให้เรารู้สึกตื่นตัว กระฉับกระเฉง ใช้แก้อาการง่วงได้อีกด้วย


               "ขณะที่เราฝึกการคลายเครียดจะมีผลให้อัตราการเผาผลาญอาหารในร่างกายลดลง หัวใจจะเต้นช้าลง อัตราการหายใจลดลง ระดับความดันโลหิตลดลง ความตึงตัวหรือการหดเกร็งกล้ามเนื้อคลายตัวลง หลังจากที่เราฝึกแล้วจะรู้สึกว่าใจเย็นขึ้น ความกังวลใจน้อยลง สบายใจมากขึ้น สมาธิดีขึ้น ความจำดีขึ้น สมองแจ่มใส ความคิดโลดแล่น" นพ.กิตต์กวีกล่าว


               ทั้งนี้ ในการฝึกการหายใจให้ได้ผลควรทำติดต่อกันประมาณ 4-5 ครั้ง ควรฝึกทุกครั้งที่รู้สึกเครียด หรือรู้สึกโกรธ ไม่สบายใจ หรือฝึกทุกครั้งที่นึกได้ จะให้ประโยชน์ทั้งการคลายเครียดและการป้องกันการเกิดโรคทางกายที่เป็นผลกระทบจากจิตใจ เช่น โรคมะเร็ง โรคความดันโลหิตสูงได้

Shares:
QR Code :
QR Code

ใส่ความเห็น

ระบุข้อความ