แนะเสริมความรู้ เด็กเท่าทันเรื่องเพศ

ที่มา : มูลนิธิสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพผู้หญิง (สคส.)


ภาพประกอบจากเว็บไซต์มูลนิธิสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพผู้หญิง (สคส.)


แนะเสริมความรู้ เด็กเท่าทันเรื่องเพศ thaihealth


มูลนิธิสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพผู้หญิง (สคส.) จัด “โฟกัสกรุ๊ป” เด็กหญิงวัย 11-15 ปี พบขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องเพศ ไม่กล้าถามพ่อแม่/ครู หันพึ่งเน็ต-ถามเพื่อน ต้นเหตุพฤติกรรมเสี่ยง เพศสัมพันธ์ไม่ปลอดภัย-หาทางออกผิดวิธี แนะผู้ปกครองเปิดใจ สร้างความไว้ใจ เด็กกล้าปรึกษา-ขอความช่วยเหลือ


สถานการณ์ปัญหาเรื่องการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นกำลังเป็นประเด็นที่ทั่วโลกให้ความสนใจ เนื่องจากสถิติการตั้งครรภ์ของวัยรุ่นที่เพิ่มสูงขึ้นในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา ส่วนประเทศไทย แม้ภาพรวมอัตราการคลอดบุตรจะลดลง แต่สัดส่วนผู้หญิงคลอดบุตรขณะมีอายุ 15-19 ปีกลับเพิ่มขึ้น วัยรุ่นหญิงจำนวนมากไม่สามารถหาทางออกได้เมื่อตั้งครรภ์ไม่พร้อม นำไปสู่ปัญหาการทำแท้งผิดกฎหมาย การทิ้งเด็กหลังคลอด และไม่สามารถดูแลเด็กที่เกิดมาอย่างมีคุณภาพ รวมถึงอัตราการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะเอชไอวี ที่พบว่า วัยรุ่นหญิงมีอัตราการติดเชื้อสูงกว่าวัยรุ่นชายถึงเท่าตัว


แนะเสริมความรู้ เด็กเท่าทันเรื่องเพศ thaihealthเมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา พระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ.2559 ได้รับการประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อเตรียมให้มีผลบังคับใช้ โดยหวังที่จะสร้างกลไกในการแก้ปัญหาดังกล่าว ประกอบกับทุกวันที่ 28 พฤษภาคม นานาชาติประกาศให้เป็นวันแห่งปฏิบัติการเพื่อสุขภาพผู้หญิง (International Day of Action for Women’s Health) มูลนิธิสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพผู้หญิง (สคส.) ซึ่งรับผิดชอบแผนงานสร้างเสริมสุขภาวะทางเพศ โดยการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงใช้โอกาสดังกล่าว ในการรวบรวมข้อมูลและประเด็นปัญหาเรื่องสิทธิสุขภาพของผู้หญิง โดยเน้นกลุ่มเด็กและวัยรุ่นหญิง ด้วยการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการและสนทนากลุ่มย่อยเด็กผู้หญิงวัย 11-15 ปี จำนวน 12 คน เพื่อสำรวจทัศนคติ การเรียนรู้ รวมทั้งอุปสรรคในการเข้าถึงข้อมูลและบริการสุขภาพทางเพศ ที่จะทำให้พวกเขาสามารถดูแลตนเองให้มีชีวิตที่ปลอดภัยและเป็นสุข


เรียนรู้เพื่อดูแลตนเอง


กิจกรรมเริ่มจากการสัณทนาการ เพื่อให้เด็กได้รู้จักคุ้นเคยกัน จากนั้นแบ่ง 3 กลุ่มย่อยตามช่วงวัย ประถมปลาย-มัธยมต้น-มัธยมปลาย ให้ทุกคนช่วยกันวาดรูปร่างกายเด็กผู้หญิงในช่วงวัยเดียวกับกลุ่มของตน แล้วอธิบายว่าเกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นบ้าง ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ และจิตใจ


ผู้จัดกิจกรรมชักชวนให้ผู้เข้าร่วมได้คิดทบทวนถึงพัฒนาการของตนเองอย่างรอบด้าน รวมถึงระบบอนามัยเจริญพันธุ์ในแต่ละช่วงวัย พร้อมสอดแทรกมุมมองเรื่องเพศ เพื่อให้พวกเขารู้สึกคุ้นเคย และลดความเขินอาย กล้าที่จะพูดคุยเรื่องเพศให้เป็นปกติธรรมดา เช่นเดียวกับเรื่องอื่นที่ต้องเรียนรู้ในชีวิต


ในช่วงแรก ผู้เข้าร่วมมีท่าทีเขินอายอย่างมาก ไม่กล้าพูดหรือเรียกอวัยวะต่างๆ ทำให้ไม่สามารถสื่อสารเพื่อสร้างการเรียนรู้ได้ ผู้จัดกิจกรรมใช้วิธีพูดคุยและอธิบายเรื่องต่างๆ อย่างเป็นปกติธรรมดา ด้วยข้อมูลที่ให้ความรู้ จนเด็กเกิดความคุ้นเคย และเข้าใจว่า เรื่องเพศมีหลากหลายแง่มุม ทั้งสุขภาพ ทักษะการประเมินสถานการณ์ การจัดการความสัมพันธ์ รวมถึงการดูแลตนเอง ซึ่งพวกเขาจำเป็นต้องเรียนรู้


อยากรู้แต่ไม่ถามผู้ใหญ่


ในช่วงระดมคำถาม ผู้จัดกิจกรรมให้เด็กแต่ละคนเขียนสิ่งที่อยากรู้เกี่ยวกับเรื่องเพศใส่กระดาษแผ่นเล็ก แล้วพับรวมในแนะเสริมความรู้ เด็กเท่าทันเรื่องเพศ thaihealthตะกร้า เพื่อผู้จัดกิจกรรมจะหยิบมาตอบ โดยไม่รู้ว่าคำถามใดเป็นของใคร และตอบทุกคำถามโดยให้ความรู้แก่เด็กอย่างตรงไปตรงมา พบข้อสังเกตว่า เด็กหลายคนเขียนคำถามเพื่อนำมาใส่ในตะกร้าอย่างต่อเนื่อง ตั้งใจฟังคำตอบ และซักถามในเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับทั้งพัฒนาการด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ ความสัมพันธ์ เพศสัมพันธ์ ฯลฯ


เมื่อผู้จัดกิจกรรมถามว่า ปกติแล้ว คำถามเหล่านี้ พวกเขาหาคำตอบจากแหล่งใดได้บ้าง เด็กส่วนใหญ่ตอบว่า อินเทอร์เน็ต เพื่อน และ “ไม่ถาม” แค่เพียง 1-2 คนที่ตอบว่า ถามพ่อแม่และครู จากนั้น ผู้จัดกิจกรรมให้เด็กช่วยกันให้คะแนนความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูล โดยมีคะแนนเต็ม 10 คะแนน พบว่าเด็กให้คะแนนความน่าเชื่อถือของอินเทอร์เน็ตและเพื่อน 0-4 คะแนน ส่วนพ่อแม่และครูได้ 6-10 คะแนน


ถามถึงสาเหตุที่เด็กไม่ยอมถามจากพ่อแม่และครู ทั้งที่เห็นว่าเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือมากที่สุด ได้รับคำตอบว่า “เป็นเรื่องส่วนตัว” “กลัว” “ไม่กล้า” “เป็นเรื่องที่เด็กไม่ควรรู้” “เวลามีบทกอดจูบ พ่อแม่ไม่ให้ดู แสดงว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี ถ้าเห็นว่าเราสนใจก็อาจจะถูกดุก็ได้” ฯลฯ


ผู้จัดกิจกรรมสอบถามต่อไปว่า หากไม่ถาม หรือไม่ได้รับคำตอบ พวกเขาจะทำอย่างไร? คำตอบ ได้แก่ อึดอัด, กังวล, สับสน, สงสัยต่อไป, ไม่รู้จะทำยังไง, ไปถามในกะทู้, ถามเพื่อน ฯลฯ


ส่วนแนวทางซึ่งเป็นข้อเสนอแนะต่อพ่อแม่ผู้ปกครองในการตอบคำถามเรื่องเพศ ผู้เข้าร่วมระบุว่า


– อยากให้พ่อแม่ตอบเหมือนเรื่องปกติธรรมดา


– อย่าเพิ่งตกใจ อย่าดุ อย่าคิดมาก อย่าคิดว่าลูกกำลังจะทำอะไรไม่ดี


– อย่าพูดว่าลูกต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้อยู่ตลอดเวลา แต่ขอข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง


– ไม่อยากให้พ่อแม่คิดว่าลูกต้องอยู่ในกรอบตลอดเวลา


แนะเสริมความรู้ เด็กเท่าทันเรื่องเพศ thaihealth– อยากให้พ่อแม่คุยได้เหมือนเพื่อน


ฯลฯ


นอกจากนี้ ในกระบวนการจัดกิจกรรม ยังมีการเสริมสร้างความเข้าใจเรื่องสิทธิในเนื้อตัวร่างกาย และสิทธิทางเพศ เพื่อให้เด็กได้รู้จักการประเมินสถานการณ์ การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และขอความช่วยเหลือหากเกิดเหตุคุกคามทางเพศอีกด้วย


ชูศักยภาพของเด็กหญิง


จิตติมา ภาณุเตชะ ผู้อำนวยการมูลนิธิสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพผู้หญิง (สคส.) และผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมสุขภาวะทางเพศ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า จากประสบการณ์ทำงานในพื้นที่ปฏิบัติการสร้างเสริมสุขภาวะทางเพศ ตลอดจนการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐและเอกชนตลอดระยะเวลากว่าสิบปี ประกอบกับกิจกรรมสนทนากลุ่มย่อยที่จัดขึ้นเฉพาะสำหรับเด็กผู้หญิงในครั้งนี้ ข้อมูลที่ได้รับยืนยันตรงกันว่า เด็กผู้หญิงทุกคนมีพื้นฐานความต้องการข้อมูลความรู้ และมีศักยภาพในการเรียนรู้ตามแบบอย่างของคนรุ่นใหม่ ที่มีความมั่นใจ ความสามารถในการใช้เหตุผล กล้าคิด และกล้าแสดงออก จึงจำเป็นที่พวกเขาจะต้องได้รับการส่งเสริมให้เข้าถึงข้อมูลและบริการสุขภาพที่มีคุณภาพ เพื่อจะสามารถดูแลและปกป้องตนเองอย่างเหมาะสม


“สิ่งที่ สคส.ต้องการสื่อสารไปถึงผู้ใหญ่ที่อยู่แวดล้อมตัวเด็กคือ ขอให้เชื่อมั่นในศักยภาพและความสามารถของเด็กผู้หญิง ว่าพวกเขาพร้อมที่จะพัฒนาและรับผิดชอบต่ออนาคตของตัวเอง ขอแค่ได้รับโอกาส ความเข้าใจ และการชี้แนะอย่างเหมาะสม โดยปราศจากอคติ พวกเขาจะสามารถดูแลตัวเองเพื่อจะเติบโตเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพของสังคมได้อย่างแน่นอน” จิตติมา กล่าวทิ้งท้าย

Shares:
QR Code :
QR Code