แนะเด็กในพื้นที่เสี่ยง ฉีดวัคซีนโรคหัด
ที่มา : สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
แฟ้มภาพ
แพทย์ประจำโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ แนะนำพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กในพื้นที่เสี่ยงและยังมีการแพร่ระบาดของโรคหัด นำบุตรหลานไปฉีดวัคซีน ช่วงอายุ 9 เดือน และฉีดให้ครบ 2 เข็ม ตามเกณฑ์ที่กำหนด พร้อมระบุเป็นวัคซีนรวมอยู่ในเข็มเดียวกัน 3 โรค และมีภาวะแทรกซ้อนจากวัคซีนน้อยมาก
แพทย์หญิง อมรา ดือเระ นายแพทย์เชี่ยวชาญ ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ กล่าวว่า ตามที่ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส ได้สั่งการให้เฝ้าระวังป้องกันโรคหัด หลังพบมีการแพร่ระบาด ซึ่งในความเข้าใจของประชาชนในพื้นที่เวลาเป็นไข้และมีผื่นตามตัว ก็จะเรียกว่าเป็นโรคหัด ถือว่าประชาชนมีความตื่นตัวในระดับหนึ่งว่าจะเป็นโรคหัด ซึ่งความจริงแล้วเด็กเล็ก ๆ เวลามีไข้และผื่น มีสาเหตุได้หลายอย่าง ได้แก่ ไข้ออกผื่นจากไวรัส หัดดอกกุหลาบ ซึ่งจะมีผื่นหลังไข้ลด และส่าไข้ เป็นต้น
ความหมายของตัวโรคหัด หรือ Measles ถือเป็นโรคติดต่อ เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ติดต่อโดยระบบทางเดินหายใจ การแพร่กระจายของเชื้อก็จะอยู่ในอากาศทั่วไปหรือสัมผัสน้ำมูก น้ำลาย โดยตรงจากคนที่เป็นโรคและเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ จากนั้นกระจายไปทั่วร่างกาย โรคหัดมักเกิดในกลุ่มเด็กเล็กซึ่งไม่มีภูมิต้านทาน ลักษณะอาการที่สำคัญ คือ เด็กจะมีไข้สูงมาก บางคนถึง 40 องศา ส่วนคนที่มีประวัติเสี่ยงจากอาการชักอาจเกิดการชักจากไข้สูงได้ อาการเป็นไข้จะเกิดประมาณ 10-12 วัน หลังจากรับเชื้อ และมีอาการอื่น ๆ ที่ร่วมด้วยคือ มีอาการไอมาก เจ็บคอ ตาแดงแบบเยิ้ม ๆ ถ้าในการตรวจร่างกายโดยแพทย์ จะมีลักษณะเฉพาะของโรคนี้ คือมีตุ่มแดงที่มีจุดสีข่าวเล็ก ๆ อยู่ตรงกลาง ที่กระพุ้งแก้ม
หลังจากมีไข้ต่อมาประมาณ 3 วัน ผื่นจะขึ้นบริเวณหน้าผากก่อน แล้วมาบนใบหน้า ลำคอ และประมาณ 3 วัน ผื่นจะลามถึงเท้า ซึ่งประชาชนในพื้นที่บางส่วนยังมีความเข้าใจที่ผิดว่าถ้าเป็นโรคหัดจะไม่ทำอะไร ไม่กินยา รอให้โรคหัดออกให้หมดก่อน ย้ำว่าถ้าเราไม่รักษาเด็กที่มีไข้สูงอาจชักได้ ภาวะแทรกซ้อน และอันตรายจากโดรหัดมีได้หลายอย่าง เช่น อุจจาระร่วง หูชั้นกลางอักเสบ ติดเชื้อที่ตา ปอดอักเสบ ถ้าเป็นรุนแรงก็จะเสียชีวิต
เด็กที่เป็นโรคหัด ร้อยละ 90 ไม่ได้รับวัคซีน อาจเสียชีวิตในกรณีที่เด็กขาดสารอาหาร หรือภูมิคุ้มกันอ่อนแอทำให้มีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง ซึ่งการรักษาไม่มียาเฉพาะ เป็นการรักษาตามอาการ ซึ่งต้องมีความรวดเร็วในการดูแล และวินิจฉัยคนไข้ แต่ป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีนโรคหัด พ่อแม่ผู้ปกครองต้องนำเด็กไปฉัดวัคซีนป้องกันที่โรงพยาบาล โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล หรือสถานบริการสาธารณสุขทุกแห่ง ซึ่งจะเป็นวัคซีนรวมอยู่ในเข็มเดียวกัน 3 โรค คือ หัด หัดเยอรมัน และคางทูม (MMR)
“…เข็มที่ 1 จะฉีดตอนอายุ 9-12 เดือน ซึ่งในพื้นที่ที่ไม่มีการระบาด หรือไม่มีการติดเชื้อของโรคหัดแล้ว จะฉีดตอนอายุ 1 ปี ขึ้นไป และจะต้องได้รับการกระตุ้นอีกครั้งตอนอายุ 4-5 ปี แต่เนื่องจากสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ยังมีโรคหัดเกิดขึ้นอยู่ทุกปี จำเป็นต้องฉีดตั้งแต่อายุ 9-12 เดือน แต่ถ้าหากมีการระบาดมาก ๆ จะเห็นว่าเด็กอายุน้อยกว่า 9 เดือนก็เป็น สามารถฉีดวัคซีนได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือน …”
แพทย์หญิง อมรา ดือเระ กล่าวอีกว่า ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ก็จะได้รับวัคซีนป้องกันโรคหัด 2 เข็ม เข็มที่ 1 อายุ 9-12 เดือน และปัจจุบันนี้เข็มที่ 2 จะฉีดอายุ 2 ปี ครึ่ง เนื่องจากมีการระบาดเกิดขึ้นก็ต้องฉีดกระตุ้นให้เร็วขึ้น พร้อมฝากพ่อแม่ผู้ปกครองดูแลเรื่องของการได้รับวัคซีนให้ครบถ้วน โดยเฉพาะวัคซีนการบริการขึ้นพื้นฐาน ซึ่งวัคซีนโรคหัดเป็นวัคซีนรวม ฉีดฟรี และสามารถฉีดได้ปลอดภัย เป็นวัคซีนที่ฉีดใต้ผิวหนัง มีภาวะแทรกซ้อนจากวัคซีนน้อยมาก