แนะหญิงตั้งครรภ์เสริมไอโอดีนเพื่อลูก
กระทรวงสาธารณสุขเร่งให้หญิงตั้งครรภ์ที่มี ปีละ 7 แสนกว่าคน กินยาเม็ดเสริมไอโอดีนเพื่อพัฒนาสมองเด็ก พร้อมตั้งเป้าลดปัญหาแม่วัยรุ่น โดยพบปีละประมาณ 130,000 คน และป้องกันการตั้งครรภ์ซ้ำครั้งที่สอง ให้เหลือ ไม่เกินร้อยละ 10 และเปิดบริการคลินิกวัยรุ่น ในโรงพยาบาลทุกระดับให้ได้ร้อยละ 90 ในปี 2561
แฟ้มภาพ
ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยว่า จาก ผลงาน 6 เดือนที่ผ่านมา นับว่าเป็นที่น่าพอใจ สามารถดำเนินไปตามนโยบายของรัฐบาลและนโยบายในการยกระดับคุณภาพบริการด้านสุขภาพแก่ประชาชน พร้อมกันนี้ ทางกระทรวง กำลังเดินหน้า งานใหม่ที่จะเกิดขึ้น ได้แก่ ให้หญิงตั้งครรภ์ที่มีปีละ 7 แสนกว่าคน กินยาเม็ดเสริมไอโอดีนเพื่อพัฒนาสมองเด็ก และตรวจพัฒนาการเด็กแรกเกิดจนถึง 5 ขวบ ทุกคน วางระบบดูแลเชื่อมโยงระหว่างพ่อ-แม่ ที่บ้าน ครูโรงเรียน และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล เพื่อสร้างศักยภาพให้กับคนไทยรุ่นใหม่ให้มีศักยภาพในการพัฒนาประเทศชาติ พร้อมทั้ง สามารถแข่งขันในเวทีโลกอย่างโดดเด่น สร้างเด็กวัยเรียนให้แข็งแรง ไม่เป็นโรคอ้วน
"นอกจากนี้ยังเร่งลดปัญหาแม่วัยรุ่น โดยพบปีละประมาณ 130,000 คน และป้องกันการตั้งครรภ์ซ้ำครั้งที่สอง ให้เหลือไม่เกินร้อยละ 10 และเปิดบริการคลินิก วัยรุ่นในโรงพยาบาลทุกระดับให้ได้ร้อยละ 90 ในปี 2561 รวมทั้งขยายเครือข่ายบริการวัยรุ่นไปยังร้านขายยา เพื่อให้วัยรุ่นเข้าถึงบริการคุมกำเนิด จัดการสอนเพศศึกษาในโรงเรียน โรงเรียนพ่อแม่ในชุมชน สำหรับด้านที่สองคือ บริการสุขภาพที่มีคุณภาพ ประสิทธิภาพ และมีขีดความสามารถสูง ด้านสุดท้ายคือ ประชาชนได้รับการคุ้มครองในเรื่องสุขภาพภายใต้สิ่งแวดล้อมที่ดี"
นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวเสริมว่า กระทรวงสาธารณสุขมุ่งเน้นให้ประชาชนเข้าถึงการบริการที่มีคุณภาพ รวดเร็ว สะดวก ใกล้บ้าน ไร้รอยต่อ ซึ่งมีการสร้างทีมหมอครอบครัวแล้ว 40,000 ทีม เป็นบริการประชาชนรูปแบบใหม่ สามารถปรึกษาทางโทรศัพท์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ออกเยี่ยมบ้านดูแล 3 กลุ่มที่ต้องพึ่งพา คือ กลุ่มผู้สูงอายุติดเตียง กลุ่มผู้พิการ และกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลแบบประคับประคองพบว่าได้ผลดีประชาชนอุ่นใจ นอกจากนี้ยังมีการเปิดบริการตรวจรักษาผู้ป่วยนอกด้วยการแพทย์แผนไทยคู่ขนานไปกับแพทย์ปัจจุบันแล้ว 467 แห่ง ซึ่งมีการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ส่วน นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รักษาการแทนปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในการคุ้มครองสุขภาพประชาชนนั้น กระทรวงสาธารณสุขได้ผลักดันร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำจัด ขยะมูลฝอยติดเชื้อ ขยะพิษ เพื่อปกป้องสุขภาพคนไทยจาก มลพิษขยะ ขณะนี้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว และพัฒนามาตรฐานบริการโรงพยาบาลรัฐและเอกชน สร้างความมั่นใจประชาชน มีโรงพยาบาลรัฐผ่านการรับรองมาตรฐานเอชเอชั้นสูงสุดร้อยละ 54 ส่วนโรงพยาบาลเอกชนผ่านแล้วร้อยละ 28 รวมทั้งติดตามควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์และบริการสุขภาพ โดยเฉพาะ เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เนื่องจากเป็นที่นิยม ของประชาชนทุกวัย และการผลักดันพระราชบัญญัติคุ้มครอง เด็กที่เกิดจากโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ อีกด้วย
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า