แนะวิธีการกู้ชีพ ช่วยชีวิตทางน้ำ
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
แฟ้มภาพ
สพฉ.ร่วมกับ สสจ.สตูล จัดอบรมกู้ชีพและช่วยชีวิตทางน้ำ สร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว พร้อมแนะเรียนรู้ห่วงโซ่การรอดชีวิตจากการจมน้ำ
นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการ สพฉ. กล่าวว่า การเจ็บป่วยทางน้ำเป็นสาเหตุที่สำคัญอย่างหนึ่ง และเป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทย ซึ่งจากสถิติพบว่าในประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำ หรืออุบัติเหตุทางน้ำ มากขี้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี มีสถิติการเสียชีวิตสูงถึงปีละ 1,117 คน หรือวันละ 3.2 คน และในเพศชายมีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่าเพศหญิงถึง 2เท่า
สำหรับการเจ็บป่วยฉุกเฉินทางน้ำ โดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลนั้น สามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น การจมน้ำ อันตรายจากการดำน้ำด้วยสกูบ้า อันตรายจากสัตว์น้ำ สัตว์มีพิษ ซึ่งการเจ็บป่วยดังกล่าวจะต้องอาศัยองค์ความรู้และทักษะเฉพาะในการดูแลช่วยเหลือ และนำส่งผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลอย่างทันท่วงที ดังนั้น สพฉ. จึงจำเป็นต้องเร่งพัฒนาบุคคลกรให้มีความพร้อม และมีประสิทธิภาพเพื่อลดการสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น จึงได้จัดการอบรมเชิงปฏิบัติการ การกู้ชีพและช่วยชีวิตทางน้ำขึ้น โดยใช้เวลาในการอบรมทั้งสิ้น 3 วัน ซึ่งผู้เข้าร่วมอบรมจะได้ฝึกเรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ
เลขาธิการ สพฉ. กล่าวต่อว่า การอบรมดังกล่าว จะมีการให้ความรู้ในเรื่องต่างๆ ได้แก่ ความรู้เบื้องต้นในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ ความรู้เบื้องต้นสำหรับภาวะการเจ็บป่วยทางน้ำที่พบบ่อย ความรู้เบื้องต้นในการช่วยเหลือ การปฐมพยาบาล และการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางน้ำ และการนำส่งในยานพาหนะนอกเหนือจากรถพยาบาล อีกทั้งยังมีการจำลองสถานการณ์ เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ฉุกเฉินได้ฝึกปฏิบัติด้วย ซึ่งนอกจากจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินทางน้ำแล้ว ยังเป็นการเตรียมพร้อมรับมือสำหรับภัยพิบัติที่อาจขึ้นในอนาคต และยังช่วยสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวด้วย
“ในช่วงนี้ถือเป็นฤดูที่นักท่องเที่ยว ส่วนใหญ่นิยมไปเที่ยวทะเลเพื่อคลายร้อน ดังนั้นจึงอยากแนะนำให้เตรียมพร้อมให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย และป้องกันตัวเองก่อน คือ ไม่ควรว่ายน้ำคนเดียว ควรว่ายกับเพื่อนหรือเป็นกลุ่ม หรืออย่างน้อยต้องมีผู้อื่นรู้ว่าเรากำลังเล่นน้ำอยู่ที่ใด ไม่ควรว่ายน้ำออกไปไกลจากฝั่ง ควรว่ายขนานกับฝั่ง และไม่ลงเล่นน้ำในเวลากลางคืน ไม่ควรกระโดดน้ำในบริเวณน้ำตื้น น้ำขุ่น หรือไม่ทราบสภาพใต้น้ำ หรือขณะที่ฝนฟ้าคะนอง นอกจากนี้ต้องไม่ลงเล่นน้ำหากดื่มสุรา อดนอน อ่อนเพลีย หรือเมายา เตรียมชุดว่ายน้ำที่เหมาะสมสำหรับเล่นน้ำ และสิ่งสำคัญที่สุดคือควรเตรียมอุปกรณ์ช่วยชีวิตไว้ให้พร้อมเสมอ เช่น ห่วงชูชีพ หรือเชือก และควรขึ้นจากน้ำทันที หากเห็นน้ำขุ่นแดงไหลผ่าน และวิ่งหนีขึ้นที่สูงทันทีหากเห็นน้ำลดลงอย่างรวดเร็ว” เลขาธิการ สพฉ. กล่าว
นพ.อนุชา กล่าวว่า ประชาชนทั่วไปควรเรียนรู้ เรื่องห่วงโซ่การรอดชีวิตจากการจมน้ำ ได้แก่ 1.เรียนรู้หลักในการว่ายน้ำและทักษะการเอาชีวิตรอดจากน้ำที่ถูกต้อง 2.รู้จักอาการคับขัน และวิธีการร้องขอความช่วยเหลือ เช่น การโบกมือขึ้นลงเหนือศีรษะให้รู้ว่ากำลังประสบภัย หรือการตะโกน 3.รู้จักวิธีการลอยตัวอยู่ในน้ำ เช่น การใช้ท่าแม่ชีลอยน้ำ คือลอยตัวแบบนอนหงาย ขาแขนเหยียดตรงเหมือนนอนอยู่บนที่นอน เงยหน้ายกคางเพื่อใช้ปากหายใจ โดยท่านี้เป็นหนึ่งในท่าสำคัญที่จะทำให้รอดชีวิตจากการจมน้ำ และที่สำคัญคือต้องมีสติ ไม่ตกใจ 4.รู้จักการช่วยเหลือโดยไม่จำเป็นต้องลงน้ำ ด้วยการยื่นหรือโยนอุปกรณ์ให้ผู้ประสบภัยจับหรือเกาะ และ 5.โทรศัพท์แจ้งสายด่วน 1669 และหากผู้ป่วยไม่หายใจก็ต้องรีบช่วยเหลือด้วยการฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน