แนะผู้ที่เป็นโรคเหงือก รีบรักษา ก่อนต้องเสียฟัน

ที่มา : กรมการเเพทย์


แนะผู้ที่เป็นโรคเหงือก รีบรักษา ก่อนต้องเสียฟัน thaihealth


เเฟ้มภาพ


กรมการแพทย์ โดยสถาบันทันตกรรม เผยผู้ที่เป็นโรคเหงือกอักเสบ โรคปริทันต์อักเสบ เป็นหนึ่งในโรคช่องปากที่ไม่ควรมองข้าม แนะพบทันตแพทย์เพื่อทำการรักษา หากปล่อยไว้อาจต้องถอนฟันในที่สุด


นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคเหงือกเป็นหนึ่งในโรคช่องปากที่ไม่ควรมองข้าม โดยโรคเหงือกนั้นมีสาเหตุมาจากแบคทีเรียในคราบจุลินทรีย์ ก่อให้เกิดการอักเสบของเหงือก และเนื้อเยื่อปริทันต์รอบๆ ที่ช่วยพยุงฟัน ทำให้เกิดฟันโยก จนนำไปสู่การสูญเสียฟันในที่สุด ดังนั้นจึงควรรักษาความสะอาดในช่องปากให้ดี แปรงฟันให้สะอาด และพบทันตแพทย์เป็นประจำ


ทันตแพทย์อำนาจ ลิขิตกุลธนพร ผู้อำนวยการสถาบันทันตกรรม กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า โรคเหงือกแบ่งได้เป็น 2 ประเภทตามความรุนแรง คือ โรคเหงือกอักเสบและโรคปริทันต์อักเสบ โดยโรคเหงือกอักเสบนั้นจะเกิดจากแบคทีเรียในคราบจุลินทรีย์ทำให้เกิดการอักเสบเฉพาะบริเวณเหงือก ทำให้เหงือกมีสีแดงคล้ำ บวมแดง แปรงฟัน มีเลือดออกง่าย มีกลิ่นปาก ซึ่งหากได้รับการรักษาที่เหมาะสมเหงือกจะสามารถกลับไปสู่สภาพเดิมได้ แต่หากปล่อยไว้ ไม่รักษา จะนำไปสู่การเกิดโรคปริทันต์อักเสบ คือ เกิดการทำลายของเอ็นยึดปริทันต์และการละลายของกระดูกเบ้าฟันตามมา โดยอาการเริ่มแรกของโรคคนไข้มักไม่รู้สึกเจ็บหรือปวด แต่เมื่อโรคเป็นรุนแรงมากขึ้นอาจมีเหงือกบวมเป็นหนอง คนไข้มักจะมาพบทันตแพทย์ด้วยอาการฟันโยก ฟันยื่นยาว เคี้ยวอาหารเจ็บ แต่ฟันเหล่านี้ก็มักจะไม่สามารถรักษาได้ และถูกถอนไปเนื่องจากมีการทำลายของกระดูกเบ้าฟันไปมากแล้ว จึงต้องหมั่นสังเกตสภาพของช่องปากของตนเองอย่างสม่ำเสมอ และป้องกันการเกิดโรคเหงือกโดยการแปรงฟันให้ทั่วถึงอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ร่วมกับการทำความสะอาดซอกฟันด้วยไหมขัดฟันหรือแปรงซอกฟันอย่างน้อยวันละครั้งเป็นประจำ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และควรพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากและขูดหินปูนทุกๆ 6 เดือน

Shares:
QR Code :
QR Code