แนะประกันสุขภาพแจกยาเลิกบุหรี่
ผลวิจัยคนไทยตายก่อนวัยอันควรจากการสูบบุหรี่ พบแนวโน้มนักสูบลดลง แต่โรคเพิ่ม ขณะที่นักสูบอยากเลิกมากขึ้น แนะรัฐต้องเร่งสนับสนุนจัดบริการยาเลิกบุหรี่ คุ้มต่อการลงทุนมากกว่า
ดร.ทพ.ญ.กนิษฐา บุญธรรมเจริญ หัว หน้าโครงการพัฒนาการดำเนินการจัดทำเครื่องชี้วัดภาระโรคและปัจจัยเสี่ยงของประเทศไทย สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ให้ศึกษาภาระโรคจากปัจจัยเสี่ยงของประชาชนไทย โดยทำการศึกษาทุก 5 ปี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การสูบบุหรี่ล่าสุดในปี 2552 พบว่า การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุให้ประชากรไทยเสียชีวิตประมาณ 5หมื่นคนต่อปี โดยเฉลี่ย ผู้ชาย 1 ใน 6 คน และผู้หญิง 1 ใน 25 คนเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ ทำให้สูญเสียปีสุขภาวะ (ปีที่มีสุขภาพดี) จากการตายก่อนวัยอันควร และความพิการ 6แสนปี หรือ 11.1% ของภาระโรคทั้งหมดในผู้ชาย และสูญเสียปีสุขภาวะ 8.8 หมื่นปี หรือ 2.1% ของภาระโรคทั้งหมดในผู้หญิง ในจำนวนนี้เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด และมะเร็งปอดเป็นหลัก (24% และ 20% ตามลำดับ)
“ภาระโรคจากบุหรี่เป็นโรคมะเร็งปอดสูงสุด 75% โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง 50% จากการเปรียบเทียบกับภาระโรคในปี 2547 พบว่า แนวโน้มผู้สูบบุหรี่ลดลงเล็กน้อย แต่ภาระจากโรคยังคงเพิ่มขึ้น เป็นผลจากการสูบบุหรี่ในอดีต โดยเฉพาะโรคหัวใจและหลอดเลือด หากคนไทยทุกคนไม่สูบบุหรี่จะทำให้ภาระโรคจากการสูบบุหรี่ลดลง 86%ในเพศชาย และ 61% ในเพศหญิง ซึ่งปีสุขภาวะที่สูญเสียไปนั้นส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศและเศรษฐกิจด้วย” ดร.ทพ.ญ.กนิษฐากล่าว
ด้าน ผศ.นพ.สุทัศน์ รุ่งเรืองหิรัญญา กรรมการเครือข่ายวิชาชีพแพทย์ในการควบคุมการบริโภคยาสูบ คลินิกฟ้าใส กล่าวว่า การสำรวจพฤติกรรมของผู้สูบบุหรี่ พบว่า จากจำนวนผู้สูบบุหรี่ทั้งหมดมี 60% ที่มีความคิดอยากเลิกสูบบุหรี่ โดยกว่าครึ่งเคยเริ่มเลิกบุหรี่ด้วยตนเอง ซึ่งในจำนวนนี้กว่าครึ่งไม่สามารถเลิกเองได้ การให้คำแนะนำและสนับสนุนให้ประชาชนเลิกสูบบุหรี่จึงถือเป็นเรื่องสำคัญ แต่ปัจจุบันพบว่าภาครัฐยังไม่ได้บรรจุสิทธิเพื่อสนับสนุนให้ประชาชนเลิกสูบบุหรี่เข้าไปในหลักประกันสุขภาพทุกระบบ โดยมีเพียงคำแนะนำ แต่ยังไม่มีการจัดเตรียมยาเลิกบุหรี่ ซึ่งผู้ที่ติดบุหรี่หนักตั้งแต่วันละ 1 ซองขึ้นไปจะไม่สามารถเลิกเองได้ จำเป็นต้องมียาช่วย แต่เมื่อต้องจัดหายาด้วยตนเองจึงทำให้ส่วนหนึ่งล้มเลิกความตั้งใจ อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายจากการเลิกบุหรี่ พบว่า คุ้มค่าในการลงทุน เพราะมีค่าใช้จ่ายวันละ 40-60 บาท เพียง 3 เดือน แต่หากยังสูบบุหรี่ก็จะเสียทั้งเงินและเกิดโรคมากมาย
“ปัจจุบันประชาชนขอคำแนะนำเลิกบุหรี่ได้ที่สายด่วน 1600 หรือคลินิกฟ้าใส ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก สสส. มี 70 แห่งทั่วประเทศ เพื่อขอคำปรึกษาและยาสำหรับเลิกบุหรี่ได้ฟรี หรือสอบถามได้ที่ 0-2716-6556 สำหรับวิธีเลิกบุหรี่ลำดับแรก ถามตัวเองว่าต้องการเลิกหรือไม่ 2. ตั้งใจเลิกด้วยการกำหนดวันให้ชัดเจน ทิ้งอุปกรณ์การสูบ 3. เตรียมการรับมือ เพราะช่วงที่เลิกบุหรี่อาจมีอาการข้างเคียง เช่น หงุดหงิด อาจเข้าขอคำแนะนำหรือเตรียมยาไว้ใช้ และ 4. บอกคนรอบข้างเพื่อขอกำลังใจและสนับสนุนการเลิกสูบบุหรี่” นพ.สุทัศน์กล่าว
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์