แนะบริโภคอาหารต้านหวัด2009
แพทย์แนะ 8วิธีง่ายๆ เลี่ยงไข้หวัด 2009 ระบุเพียงแค่ล้างมือบ่อยๆ – มีอาการไม่สบายต้องหลีกเลี่ยงแหล่งชุมชนทันที พร้อมแนะรับประทานอาหาร 8 ประเภทให้ผลในการช่วยเพิ่มภูมิต้านทานป้องกันหรือลดความรุนแรงของหวัดได้
การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิด เอช1 เอ็น1 ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลกในขณะนี้ได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับคนหลายพันล้านคนทั่วโลก ในขณะที่ประเทศไทยก็พบการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วจนถึงขณะนี้พบผู้ติดเชื้อแล้วเกือบ 800 ราย
แม้การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่จะดูน่ากลัว แต่ก็มีวิธีง่ายๆ ที่สามารถหลีกเลี่ยงจากโรคนี้ได้ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กและคนชราซึ่งมีภูมิคุ้มกันต่ำกว่าปกติ
แนะ 8 วิธีง่ายๆ ห่างไกล “ไข้หวัด 2009”
นพ.สมชัย นิจพานิช รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แนะเคล็ดลับง่ายๆ วิธีหลีกเลี่ยงไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ว่า
วิธีแรก หากรู้ตัวเองว่ามีอาการไม่สบาย เป็นไข้ พักผ่อนไม่เพียงพอ อดนอนควรหลีกเลี่ยงการเข้าไปสู่ที่ชุมชนเช่น โรงเรียน ที่ทำงาน ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล ฯลฯ เพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายซึ่งช่วงดังกล่าวนี้ร่างกายจะอ่อนแอทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำโอกาสที่จะติดเชื้อจึงมีสูง
วิธีที่สอง เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดแต่คนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยใส่ใจ เพราะเห็นว่าไม่มีความสำคัญคือการล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือ โดยการใช้เจลนี้จะสามารถฆ่าเชื้อโรคได้ถึง 99%
วิธีที่สาม ไม่ควรคลุกคลีกับผู้ป่วยที่มีอาการไข้หวัด หรือถ้าหากหลีกเลี่ยงไม่ได้จะต้องสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง ซึ่งการสวมหน้ากากอนามัยนั้นจะสามารถป้องกันการติดเชื้อหวัดได้ดีพอสมควร
วิธีที่สี่ ต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
วิธีที่ห้า ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีผู้คนแออัดและมีอากาศถ่ายเทไม่สะดวก เช่น โรงภาพยนตร์ สถานบันเทิง ผับ บาร์ฯลฯ เป็นเวลานานๆ โดยไม่จำเป็น
วิธีที่หก ปิดปาก และจมูก เมื่อไอหรือจามด้วยทิชชู และเลี่ยงการแตะปาก จมูก และตา ตลอดเวลา หากมีอาการไอหรือจามและเปื้อนมือ ให้รีบล้างทุกครั้ง
วิธีที่เจ็ด สำหรับบ้านใดที่เด็กและผู้สูงอายุควรจะดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ และถ้าหากมีคนในบ้านป่วย ควรแยกผู้ป่วยออกไปให้ห่าง โดยเฉพาะช่วงวันแรกที่แสดงอาการ ซึ่งผ้าปิดปากจมูกช่วยได้มาก และถ้าหากเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ หรือมีระบบภูมิคุ้มกันต่ำ ควรปรึกษาแพทย์ทันที
วิธีที่แปด ติดตามข่าวสาร คำแนะนำอื่นๆ ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างใกล้ชิด
‘แปดวิธีที่กล่าวมาในข้างต้นถือเป็นวิธีการง่ายๆ ที่คุณๆ หรือใครๆ ก็สามารถนำไปปฏิบัติได้ ซึ่งหากปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดแล้วเชื่อว่าจะสามารถหลีกเลี่ยงไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่นี้ได้อย่างแน่นอน ที่สำคัญผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อยเช่น มีอาการไอ มีน้ำมูก หรือมีไข้ต่ำๆ และรับประทานอาหารได้อาจไปพบแพทย์ที่คลินิกหรือขอรับยาและคำแนะนำจากเภสัชกรใกล้บ้าน และสามารถดูแลรักษาที่บ้านได้โดยไม่ต้องไปโรงพยาบาลจึงไม่ควรวิตกกังวลมากนัก ที่สำคัญควรจะทำความเข้าใจกับโรคนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อให้คนรอบข้างและสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ‘
อาหาร 8 ชนิดสร้างภูมิสู้ ‘หวัด‘
นอกเหนือจากการปฏิบัติตัวตามคำแนะนำทั้ง 8 ข้อแล้ว รองอธิบดีกรมควบคุมโรคอธิบายต่อไปว่า การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับร่างกายก็ถือเป็นเรื่องที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนกัน เพราะหากร่างกายแข็งแรง สมบูรณ์แล้วจะสามารถทำให้เราผ่านการระบาดของโรคนี้ไปได้ โดยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์โดยเฉพาะอาหาร 8 ชนิดดังต่อไปนี้ที่เชื่อว่าอาจให้ผลในการช่วยเพิ่มภูมิต้านทานป้องกันหรือลดความรุนแรงของหวัด ประกอบด้วย
1. อาหารรสเผ็ดรวมทั้งเครื่องเทศ เช่น กระเทียม พริก ลดอาการคัดจมูก ช่วยให้หายใจโล่งขึ้น
2. กระเทียม ช่วยลดอาการหวัด จะเติมลงในอาหารหรือเคี้ยวสดๆ วันละ 1 – 2 กลีบก็ได้
3. ดื่มน้ำมากๆ แทนที่จะดื่มกาแฟ น้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มที่มีรสหวาน อาจดื่มน้ำผลไม้คั้นสดบ้างเพื่อเสริมวิตามินซี เครื่องดื่มร้อนที่ช่วยได้ เช่น ชา น้ำมะนาวอุ่นๆ จะช่วยลดเสมหะได้
4. ซุปไก่ร้อนๆ ช่วยลดอาการคัดจมูก อาจเติมผักหลายๆ สี เพื่อเพิ่มสารแอนติออกซิแดนต์ ทำให้ร่างกายแข็งแรง มีสุขภาพดี ซุปไก่ที่ผ่านกระบวนการตุ๋นเคี่ยวนานๆ จนโปรตีนย่อยสลายเป็นไดเปปไทด์ อาจช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ร่างกายสดชื่น และยังให้โปรตีนที่ดีต่อร่างกายด้วย
5. สารต่อต้านอนุมูลอิสระ เช่น เบต้าแคโรทีน (วิตามินเอ) วิตามินซี วิตามินอี ช่วยกำจัดสิ่งแปลกปลอมหรือเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย ป้องกันการติดเชื้อ ผักและผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น แครอท ผักใบเขียวจัด ส้ม ฝรั่ง องุ่น แคนตาลูป มะละกอสุก เป็นต้น
6. ผลไม้ตระกูลส้ม ซึ่งมีวิตามินซีสูง ช่วยลดความเสี่ยงการติดหวัดโดยเฉพาะผู้ที่สูบบุหรี่หรืออยู่ในแวดวงคนสูบบุหรี่ บุหรี่เองเพิ่มความเสี่ยงการเป็นหวัดและทำให้ร่างกายต้องการวิตามินซีสูงขึ้น
7. อาหารอื่นๆ ที่เป็นแหล่งวิตามินซี เช่น ฝรั่ง พริกหวาน สตรอเบอร์รี่ สับปะรด กะหล่ำปลี ล้วนแล้วแต่ช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน
8. ขิง ช่วยลดอาการหวัดและป้องกันหวัด น้ำขิงร้อนๆ ผสมกระเทียม 2 – 3 กลีบ ช่วยให้ระบบหายใจทำงานคล่องขึ้น
นพ.สมชัย นิจพานิช ย้ำอีกว่า วิธีง่ายๆ อีกอย่างหนึ่งที่จะสามารถเสริมภูมิคุ้มกันให้แก่ตนเองได้ คือ การรับประทานผักและผลไม้ที่มีวิตามีนซีสูง เช่น กระหล่ำปลี กระหล่ำดอก ถั่วงอก มะนาว ส้มทุกชนิดโดยเฉพาะฝรั่ง แต่ต้องเป็นการรับประทานสดๆ เท่านั้น จึงจะได้วิตามินซี เพราะวิตามินซีสูญสลายง่าย เมื่อได้รับความร้อน ถ้าเป็นน้ำผลไม้ เมื่อคั้นแล้วก็ต้องทานให้หมดภายในครึ่งชั่วโมง ไม่เช่นนั้นวิตามินซีก็จะหายไปหมด ซึ่งประโยชน์ของวิตามินซีนอกจากเสริมภูมิคุ้มกันหวัดแล้ว ยังช่วยต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นตัวการก่อให้เกิดโรคมะเร็ง และชะลอการแก่ก่อนวัยได้อีกด้วย
นอกจากผักและผลไม้แล้วการรับประทานวิตามินซีที่มีขายตามร้านขายยาทั่วไปก็สามารถทำได้เช่นกันแต่ต้องอ่านฉลากข้างกล่องให้ละเอียด เพราะในแต่ละวันร่างกายของคนเราต้องการวิตามินซีขั้นต่ำวันละ 100 – 150 มิลลิกรัม และบางคนอาจจะต้องรับ ประทานถึงวันละ 250 – 1000 มิลลิกรัม ซึ่งก็แล้วแต่สภาพของร่างกาย แต่ถ้ารับประทานวิตามินซีมากไป ก็อาจจะทำให้ท้องเดินได้
‘โรคหวัดสายพันธุ์ไหม้แม้จะดูน่ากลัวเพราะแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว แต่หากเราดูแลร่างกายให้มีสุขภาพแข็งแรง หมั่นสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายอย่างสม่ำเสมอแล้วก็จะไม่ติดไข้หวัดนี้อย่างแน่นอน‘ รองอธิบดีกรมควบคุม
ที่มา: ผู้จัดการ 360 องศา
Update 21-07-52
อัพเดทเนื้อหาโดย : กันทิมา ลีจันทึก