แนะกลุ่มเสี่ยงฉีดวัคซีน ‘หวัดใหญ่’ ซ้ำ
แนะกลุ่มเสี่ยงฉีดวัคซีน 'หวัดใหญ่' ซ้ำ สร้างสุขนิสัยช่วยป้องโรค
นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ให้วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ให้แก่ประชาชนในวงกว้าง วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ครั้งนี้ เป็นวัคซีนรวม ทำมาจากเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่ตายแล้ว มีความปลอดภัยสูง ป้องกันเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้ 3 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์บี (B) สายพันธุ์เอช 3 เอ็น 2 (H3N2) และสายพันธุ์เอ เอช 1 เอ็น 1 (H1N1) หรือไข้หวัดใหญ่ 2009 เชื้อตัวใหม่ล่าสุดของโลกที่พบในปี 2552 และระบาดหนักในไทยขณะนี้ วัคซีนนี้ไม่ได้ป้องกันไข้หวัดจากสายพันธุ์อื่น ประชาชนยังป่วยไข้หวัดได้ แต่ไม่รุนแรง หลังฉีดจะกระตุ้นร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อภายใน 15 วัน
นพ.โสภณกล่าวว่า เชื้อไข้หวัดใหญ่ติดต่อได้ง่าย แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักหายได้เองใน 2-3 วัน บางส่วนต้องนอน ร.พ.และเสียชีวิต โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เป็นต้น ซึ่งจะต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ซ้ำทุกปี เนื่องจาก 1.เชื้อโรคไข้หวัดใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงทุกปี 2.ภูมิคุ้มกันที่เกิดจะเฉพาะเชื้อที่ทำให้เกิดโรคเท่านั้น และ 3.หลังฉีด 2 สัปดาห์ จึงเกิดภูมิต้านทานโรคและอยู่ได้ 1 ปี หลังจากนั้นหากได้เชื้อตัวเดิมก็ป่วยเป็นโรคได้
นพ.โสภณกล่าวว่า สำหรับคนทั่วไปที่ไม่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง หากต้องการฉีดวัคซีน สามารถรับบริการที่ร.พ.รัฐและเอกชน โดยเสียค่าใช้จ่ายเอง ทั้งนี้สามารถป้องกันการเจ็บป่วยด้วยโรคนี้ โดย 1. ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือ 2. ไม่ใช้สิ่งของ เช่น แก้วน้ำ ช้อนอาหาร ผ้าเช็ดหน้า ร่วมกับผู้อื่น 3. ไม่คลุกคลีกับผู้ป่วยที่มีอาการไข้หวัด ปอดบวม 4. หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัดและอากาศถ่ายเทไม่ดี และ 5. ติดตาม คำแนะนำอื่นๆ ของ สธ.อย่างใกล้ชิด หากป่วยเป็นไข้หวัด ให้หยุดพักที่บ้านและใส่หน้ากากป้องกันการแพร่เชื้อ หากอาการป่วยไม่ดีขึ้นภายใน 2 วัน ให้รีบพบแพทย์
ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต