แฉคนอีสาน-เหนือแชมป์ติดยาเส้น เหตุคิดว่าไม่อันตราย
เครือข่ายงดสูบบุหรี่ จี้รัฐเก็บภาษีเพิ่ม
ศ.เกียรติคุณ นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวถึงความร่วมมือกับองค์กรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และเครือข่ายงดสูบบุหรี่ในการรณรงค์ให้คนไทยลดละเลิกบุหรี่ ว่า หลังจากที่มีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตบุหรี่ชนิดซองเพิ่มขึ้น ทำให้คนไทยหันมาสูบบุหรี่ยาเส้นกันมากขึ้น สาเหตุก็เพราะว่ามีการเก็บภาษีประเภทยาเส้นน้อยมาก
ในขณะที่ในต่างประเทศมีการเก็บภาษีในอัตราที่สูงกว่า จึงส่งผลให้คนไทยเข้าใจผิดว่าการสูบบุหรี่ยาเส้นไม่เป็นอันตราย ทั้งๆ ที่ไม่เป็นความจริง จากสถิติที่ผ่านมาพบว่าคนสูบบุหรี่ในแต่ละภาคทั่วประเทศเลิกสูบบุหรี่ไปประมาณร้อยละ 9 ยังคงสูบเหมือนเดิมร้อยละ 25 โดยมีผู้สูบบางส่วนเปลี่ยนจากการสูบบุหรี่ซองไปเป็นการสูบบุหรี่มวนเอง คือยาเส้น จึงเป็นการเพิ่มจำนวนผู้สูบบุหรี่ประเภทยาเส้นให้มากขึ้นไปอีก
“ที่ผ่านมารัฐบาลหลายชุดส่งสัญญาณผิดว่ายาเส้นไม่เป็นอันตราย จึงไม่เก็บภาษีหรือเก็บน้อยมาก แต่แท้ที่จริงแล้วยาเส้นก็มีอันตรายเหมือนบุหรี่ซอง ราคาก็ถูกกว่ามากห่อละ 5 บาท นำไปมวนเองได้ 20 มวน สูบได้ 1-2 วัน ในขณะที่บุหรี่ซองจากโรงงานราคามวนละ 3-4 บาท เพราะฉะนั้นรัฐบาลควรต้องเก็บภาษีบุหรี่ประเภทยาเส้นให้เพิ่มมากขึ้น โดยอาจจะทยอยเก็บจากน้อยไปหามาก ไม่อย่างนั้นคนก็จะไม่เลิกสูบบุหรี่ โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนจะสูบบุหรี่กันมากขึ้น”
เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวต่อไปว่า ในปัจจุบันนี้สถานการณ์การสูบบุหรี่ของคนไทยยังคงน่าเป็นห่วง เพราะยังมีผู้สูบบุหรี่ทั้งประเทศถึง 10 ล้านคน ผู้สูบส่วนใหญ่เป็นผู้ชายประมาณ 9.5 ล้านคน ส่วนที่เหลืออีก 5 แสนคนเป็นผู้หญิง เฉลี่ยแล้ว 1 ใน 3 ของผู้ชายไทยที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไปยังคงสูบบุหรี่อยู่ แม้ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาสถิติการสูบบุหรี่จะลดลงเรื่อยๆ แต่ในระยะ 3 ปีหลังมานี้อัตราการสูบไม่ลดลงคงอยู่กับที่ สาเหตุสำคัญประการหนึ่งคือคนสูบบุหรี่ประเภทยาเส้นยังคงสูงอยู่ จากข้อมูลการสำรวจพบว่าคนไทยที่สูบบุหรี่ 10 ล้านคนนั้นเป็นคนที่สูบยาเส้น 4-5 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นคนชนบท
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติเมื่อปี 2550 มีผู้สูบยาเส้น (บุหรี่มวนเอง) จำนวนร้อยละ 50.60 ของผู้สูบบุหรี่ทั้งประเทศ ส่วนใหญ่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคใต้ ในขณะที่การจัดเก็บภาษียาเส้นบุหรี่มวนเองของประเทศไทยในปัจจุบันพบต่ำกว่าบุหรี่ชนิดซองถึง 900 เท่า
ก่อนหน้านี้นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า แนวโน้มคนสูบบุหรี่เป็นประจำเริ่มลดลง แต่เป็นการลดลงในกลุ่มผู้สูบบุหรี่ชนิดซอง ส่วนกลุ่มผู้สูบยาเส้นมีแนวโน้มมากขึ้น คือคนสูบบุหรี่ชนิดซองมีอยู่ 5.1 ล้านคน ส่วนคนสูบยาเส้นมีอยู่ 5.7 ล้านคน สธ.กำลังจะนำเรื่องนี้เข้าหารือในคณะกรรมการควบคุมการบริโภคยาสูบแห่งชาติ เพื่อเสนอให้มีการเพิ่มอัตราภาษีจากปัจจุบันที่คิดตามมูลค่าร้อยละ 0.01 ซึ่งต่ำเกินไป
ที่มา: หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
update: 02-10-52
อัพเดทเนื้อหาโดย: อัญณิกา กฤษสมัย