แค่หยุดรถ ก็ลดสูญเสีย
เรื่องโดย จุติพร วรรณศิริ Team Content www.thaihealth.or.th
ข้อมูลจาก งานแถลงข่าว “หยุดสูญเสีย หยุดรถ ให้คนข้ามทางม้าลาย #ความดีที่คุณทำได้ ”ครั้งที่ 3 และมูลนิธิไทยโรดส์
ภาพโดย ชยวี ลิ้มถาวรรักษ์ Team Content www.thaihealth.or.th และแฟ้มภาพ
แฟ้มภาพ
ครบรอบ 3 เดือน การเสียชีวิตของหมอกระต่าย จากเหตุการณ์ที่ พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล ถูกรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ชน ขณะข้ามถนนบนทางม้าลายบริเวณทางแยกนั้น เรียกได้ว่าสร้างความสะเทือนใจให้คนทั้งประเทศ โดยหน่วยงานต่างๆ ยังคงให้ความสำคัญและย้ำเตือนไปยังผู้ขับขี่อยู่เสมอ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ให้ชะลอความเร็วรถก่อนถึงทางแยกข้าม ลดพฤติกรรมเสี่ยงที่จะเกิดการสูญเสีย รวมไปถึงผลกระทบที่ตามมาหลังจากเกิดอุบัติเหตุ
ด้วยเหตุนี้ เพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกให้ผู้ขับขี่ และสร้างความปลอดภัยให้กับคนเดินข้ามทางม้าลาย จึงเป็นที่มาของการจัดกิจกรรม “หยุดสูญเสีย หยุดรถ ให้คนข้ามทางม้าลาย #ความดีที่คุณทำได้ ”ครั้งที่ 3 โดยความร่วมมือของคณะกรรมการบูรณาการกู้ชีพฉุกเฉินและความปลอดภัยทางถนน วุฒิสภา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานเขตราชเทวี และภาคีเครือข่ายด้านความปลอดภัยทางถนน ได้ให้ความสำคัญและเน้นย้ำมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังคงมุ่งมั่นสื่อสารต่อสังคม ให้ผู้ใช้รถ ใช้ถนน ตระหนักถึงการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น จากการขับรถที่ไม่มีวินัย ไม่ปฎิบัติตามกฎ โดยเฉพาะการไม่หยุดให้คนข้ามบนทางม้าลาย
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมแจกสื่อรณรงค์ให้กับประชาชนบริเวณอนุสาวรีชัยสมรภูมิอีกด้วย และมีการเชิญเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่าง ๆ ที่ทำงานรักษา และปฐมพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งผู้ที่เคยตกเป็นเหยื่อจากอุบัติเหตุทางถนน มาถ่ายทอดเรื่องราว ประสบการณ์ เพื่อสะท้อนปัญหา และผลกระทบจากอุบัติเหตุต่อชีวิต และสังคมอย่างไร ซึ่งนอกจากจะเป็นความร่วมมือเชิงพื้นที่ที่เกิดอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ชนคุณหมอกระต่ายแล้ว พื้นที่ดังกล่าวยังเป็นพื้นที่ที่มีบุคลากรทางการแพทย์ปฎิบัติงานอยู่เป็นจำนวนมาก และเป็นพื้นที่ที่คณะกรรมการและภาคีเครือข่ายได้ทำการเปิดเส้นทาง “รถกู้ชีพฉุกเฉิน” เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2559 อีกด้วย
นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย สมาชิกวุฒิสภา และประธานคณะกรรมการบูรณาการกู้ชีพฉุกเฉินและความปลอดภัยทางถนน วุฒิสภา กล่าวว่า จากพฤติกรรมของผู้ใช้รถ ใช้ถนน ที่ไม่เคารพกฎหมาย และขาดจิตสำนึก จึงมีความจำเป็นที่ทุกภาคส่วนต้องแก้ไขอย่างจริงจัง เพื่อลดความสูญเสีย วุฒิสภา สสส. สำนักงานตำรวจแห่งชาติและภาคีเครือข่าย มีความเห็นพ้องร่วมกันถึงปัญหานี้ จึงจัดกิจกรรมรณรงค์เพื่อลดอุบัติเหตุบริเวณทางม้าลาย โดยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ต่อเนื่องมาจากเดือนกุมภาพันธ์ 2565 โดยถือเอาวันที่ 21 ของทุกเดือน เป็นวันในการจัดกิจกรรม เพื่อสร้างการรับรู้ด้านความปลอดภัยทางถนน โดยเฉพาะผู้ขับขี่ ให้มีจิตสำนึกในการใช้รถ ใช้ถนน เคารพกฎจราจร ตระหนักถึงความสูญเสีย เพื่อลดการบาดเจ็บและเสียชีวิตบนท้องถนนให้ได้มากที่สุด
นางสาวรุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสังคม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สสส.มีบทบาทในการเป็นผู้สนับสนุนให้ทุกหน่วยงานได้ออกมาแสดงพลังในการดูแลพื้นที่บริเวณถนน โดยเฉพาะทางข้าม ให้เป็นพื้นที่พื้นฐานความปลอดภัยสำหรับทุกคน การช่วยเหลือของทุกหน่วยงานรวมถึงประชาชนทุกคน ช่วยกันรักษาสิทธิ ช่วยกันดูแล ก็จะทำให้อุบัติเหตุลดน้อยลง
“เราเจออุบัติเหตุบริเวณทางข้ามถนน แทบทุกปี ทุกเดือน ทั้งที่เป็นข่าวดังและไม่ดัง ดังนั้น ถ้าเราทำพื้นที่ให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยได้ ก็จะช่วยให้ภาพรวมสถานการณ์อุบัติเหตุของประทศดีขึ้น โดยการจัดงานครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 3 แล้ว สิ่งที่เห็นได้ชัด คือ หลายหน่วยงานเข้ามามีส่วนร่วมอย่างจริงจังมากขึ้น จากกรณีทางข้ามถนนบนทางม้าลาย สิ่งที่เราอยากจะขยายผลต่อ คือ เรื่องการลดความเร็วในการขับขี่ เพราะว่ามีโอกาสที่คนเดินข้ามถนนหรือคนเดินทางเท้าจะเดินไปบริเวณริมถนนแล้วถูกรถชนได้ การใช้ความเร็วที่เหมาะสม จะช่วยลดความรุนแรงของการเกิดอุบัติเหตุได้” นางสาวรุ่งอรุณ กล่าว
ความเร็วจำกัดตาม พรบ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522
1.ในเขตชุมชน ไม่ควรขับเกิน 30 กิโลเมตร/ชั่วโมง
2.นอกเขตเทศบาล รถยนต์และรถจักรยานยนต์ ไม่เกิน 90 กม./ชม. และในเขตเทศบาล กทม. และเมืองพัทยาไม่เกิน 80 กม./ชม.
3.รถบรรทุกและรถโดยสาร ไม่เกิน 80 กม./ชม. นอกเขตเทศบาล และไม่เกิน 60 กม./ชม. ในเขตเทศบาล กทม. และเมืองพัทยา
4.รถพ่วงลากจูง ไม่เกิน 60 กม./ชม. นอกเขตเทศบาล และไม่เกิน 45 กม./ชม. ในเขตเทศบาล กทม. และเมืองพัทยา
ด้าน นายดิเรก บูญเส็ง ผู้แทนทีมกู้ชีพ โรงพยาบาลราชวิถี กล่าวว่า การลงพื้นที่ช่วยเหลือกู้ภัย กรณีอุบัติเหตุบนท้องถนน พบว่า มีการเกิดอุบัติเหตุจากการข้ามทางม้าลายอยู่เสมอ ส่วนใหญ่เกิดจากรถจักรยานยนต์ ซึ่งคนขับรถจะบาดเจ็บเล็กน้อย เนื่องจากสวมหมวกกันน็อก แต่คนข้ามทางม้าลายนั้น มีโอกาสเสียชีวิตสูง โดยพบว่า กว่า 80% ของผู้ที่ถูกชน เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ อุบัติเหตุทางม้าลายสามารถเกิดได้ทุกที่ ไม่ว่าบริเวณนั้น จะมีหรือไม่มีสัญญาณไฟจราจรก็ตาม กรณีที่พบได้บ่อย คือ แม้จะเห็นรถคันหน้าชะลอหรือหยุดให้คนข้าม แต่คันหลังโดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ ก็จะแซงมาอีกเลน จึงทำให้มาชนคนข้ามทางม้าลาย ดังนั้น ต้องเร่งสร้างจิตสำนึก และวินัยในการขับขี่ รวมทั้งมีน้ำใจกับผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมกัน
เราต่างรู้ดีว่าความสูญเสียเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ย่อมไม่มีสิ่งใดมาทดแทนได้ สสส.และภาคีเครือข่ายได้ร่วมกันขับเคลื่อน สร้างสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ร่วมสร้างวัฒธรรมความปลอดภัยให้กับคนเดินเท้าและคนข้ามทางม้าลาย อุบัติเหตุทางถนนจะเป็นศูนย์ได้ ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจจากทุกภาคส่วน ด้วยการเคารพและปฏิบัติตามกฎจราจร เพื่อให้สังคมไทยเป็นสังคมที่ปลอดภัยจากอุบัติเหตุทางถนนอย่างยั่งยืน