แคลเซียมสำคัญอย่างไร
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
แฟ้มภาพ
แคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่สำคัญต่อความแข็งแรง ของโครงสร้างกระดูกของร่างกาย หากร่างกายได้รับแคลเซียมในปริมาณที่ไม่เพียงพอ จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะกระดูกหักง่ายจากความแข็งแรงของกระดูกที่ลดลง หรือเรียกว่า "ภาวะกระดูกพรุน"
นพ.กุลพัชร จุลสำลี ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ข้อมูลว่า แคลเซียมเกี่ยวข้องกับการทำงานของระบบไหลเวียนโลหิต การทำงานของระบบต่อมไร้ท่อ การทำงานของเส้นประสาท และการทำงานของระบบกล้ามเนื้ออีกด้วย ที่สำคัญแคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นได้ ดังนั้นการบริโภคแคลเซียมจากการรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
แคลเซียมที่รับประทานเข้าไปจะถูกสะสมไว้ในโครงสร้างกระดูก และช่วยให้กระดูกมีความแข็งแรง จากการศึกษาความหนาแน่นมวลกระดูกในช่วงอายุต่าง ๆ พบว่ามวลกระดูกจะเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับตั้งแต่วัยเด็ก และมีมวลกระดูกที่สุด (peak bone mass) ในช่วงอายุ 20-25 ปี
หลังจากนั้นมวลกระดูกที่ลดลงเป็นลำดับโดยจะเริ่มลดลงตั้งแต่ช่วงอายุประมาณ 35-40 ปี ในเพศหญิง และช่วงอายุประมาณ 40-45 ปี ในเพศชาย อย่างไรก็ดีมวลกระดูกจะลดลงในอัตราที่รวดเร็วกว่าเพศชายโดยเฉพาะช่วงหลังหมดประจำเดือน นอกจากนี้พบว่ามวลกระดูกสูงสุด (peak bone mass) ในแต่บุคคลจะแตกต่างกัน
โดยปัจจัยที่ช่วยเพิ่มความหนาแน่นมวลกระดูกที่สุด ได้แก่ การบริโภคแคลเซียมในช่วงอายุก่อน 20-25 ปี, การออกกำลังกาย และปัจจัยทางพันธุกรรม เป็นต้น ดังนั้นจึงสามารถสรุปได้ว่าการรับประทานแคลเซียมนั้นมีความสำคัญสำหรับทุกเพศทุกวัย กล่าวคือ การได้รับแคลเซียมในวัยเด็กและวัยรุ่นนั้น จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุนในวัยชรา
ส่วนการได้รับแคลเซียมในวัยผู้ใหญ่นั้นจะช่วยชะลอการลดลงของมวลกระดูก และลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะกระดูกหักง่ายจากโรคกระดูกพรุน โดยตารางที่ 1 แสดงปริมาณแคลเซียมควรได้รับในแต่ละวัน แบ่งแยกตามช่วงอายุ และเพศ (Bauer และคณะ, N Engl J Med 2013)
ช่วงอายุ 0-6 เดือน ควรได้รับแคลเซียม 200 มิลลิกรัม
ช่วงอายุ 7-12 เดือน ควรได้รับแคลเซียม 260 มิลลิกรัม
ช่วงอายุ 1-3 ขวบ ควรได้รับแคลเซียม 700 มิลลิกรัม
ช่วงอายุ 4-8 ขวบ ควรได้รับแคลเซียม 1,000 มิลลิกรัม
ช่วงอายุ 9-13 ปี ควรได้รับแคลเซียม 1,300 มิลลิกรัม
ช่วงอายุ 14-18 ปี ควรได้รับแคลเซียม 1,300 มิลลิกรัม
ช่วงอายุ 19-50 ปี ควรได้รับแคลเซียม 1,000 มิลลิกรัม ปริมาณสูงสุดที่แนะนำ 2,500 มิลลิกรัม
ช่วงอายุ 51-70 ปี ควรได้รับแคลเซียม 200 มิลลิกรัม ปริมาณสูงสุดที่แนะนำ 2,000 มิลลิกรัม
ช่วงอายุ 71 ปีขึ้นไป ควรได้รับแคลเซียม 200 มิลลิกรัม ปริมาณสูงสุดที่แนะนำ 2,000 มิลลิกรัม