เหล้า-บุหรี่-พนัน-ยาเสพติด ต้นตอแพร่โควิด ความเสี่ยงที่เลี่ยงได้
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
แฟ้มภาพ
การแพร่ระบาดระลอกใหม่ของ ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 ในประเทศไทย ที่มียอดผู้ป่วยพุ่งพรวดขึ้นมาอย่างน่าตกใจนั้น เป็นสิ่งบ่งบอกว่าไวรัสร้ายตัวนี้ยังเป็นเรื่องที่อยู่ใกล้ตัวเรามาก และจะประมาทไม่ได้เลยทีเดียว
เมื่อไม่นานมานี้ เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง ร่วมกับศูนย์วิจัยปัญหาสุรา ศูนย์ศึกษาปัญหาการเสพติด(ศศก.) มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) จัดเวทีเสวนา "อบายมุข (เหล้า บุหรี่ พนัน ยาเสพติด) VS โควิด-19 ความเสี่ยงที่เลี่ยงได้" โดยมีการจำลองสถานการณ์ตั้งวงดื่มเหล้า บุหรี่ พนัน สะท้อนความเสี่ยงโควิด-19 โดยกลุ่มจิตอาสาพัฒนาเยาวชน ในงานด้วย
รศ.พญ.รัศมน กัลยาศิริ ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้จัดการ ศศก. และในฐานะนักวิชาการศูนย์วิจัยปัญหาสุรา กล่าวว่า ศศก.ร่วมกับ ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาสังคมและธุรกิจ (SAB) สำรวจความเสี่ยงและพฤติกรรมการใช้สารเสพติด เหล้า บุหรี่ ปี 2563 พบว่า มีการใช้สารเหล่านี้จนน่าเป็นห่วง โดยบุหรี่มีผู้ใช้ร้อยละ 22.4 ขณะที่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีผู้ดื่มร้อยละ 38.9 ยาบ้า ร้อยละ 0.4 ใบกระท่อม กัญชา ร้อยละ 2.5
สารเหล่านี้มีผลต่อร่างกายโดยรวม เช่น บุหรี่ มีสารก่อมะเร็งกว่า 10 ชนิด ก่อเกิดโรคปอดเรื้อรัง ถุงลมโป่งพอง มะเร็งปอด ยิ่งหากได้รับเชื้อโควิด-19 ยิ่งมีผลต่อระบบทางเดินหายใจอย่างรุนแรงขึ้น
นอกจากนี้คนที่ติดสารกลุ่มโอปิออยด์ เช่น เฮโรอีน ที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง หากพบในคนที่ป่วยเป็นโรคโควิด-19 และใช้สารในปริมาณสูง ยิ่งเสี่ยงต่อการหยุดหายใจและเสียชีวิตได้ ส่วนคนที่ดื่มแอลกอฮอล์ จะมีฤทธิ์ทำลายตับ เมื่อใช้ไปนานๆ ตับจะแข็ง และเป็นมะเร็งตับในที่สุด และยังมีมะเร็งอีกหลายชนิดที่เกี่ยวเนื่องกับการดื่มแอลกอฮอล์ ยิ่งหากคนที่เป็นวัณโรคปอด หากดื่มจะมีอาการรุนแรงมาก
"คนที่สูบบุหรี่ ดื่มเหล้าเบียร์ และใช้สารเสพติดสามารถแพร่กระจายเชื้อโควิดได้รวดเร็วมาก เช่นคนเสพยา ต้องใช้ในสถานที่ปิด ต้องใช้อุปกรณ์ร่วมกัน เพิ่มความเสี่ยงติดเชื้อ ยิ่งในบ่อนพนันจะพบการใช้สารเสพติดมากกว่าพื้นที่อื่น เมื่อเกิดอาการมึนเมา ไม่มีสติ ความไม่ระมัดระวังตัวลดลง ขาดความยับยั้งชั่งใจ อยู่ในพื้นที่ได้อย่างต่อเนื่องและนานขึ้น" รศ.พญ.รัศมน กล่าว
นอกจากนี้ผู้ที่ใช้สารเสพติด ส่วนใหญ่อยู่ในสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ที่ไม่เหมาะสม ไม่มีการดูแลสุขอนามัยความสะอาด และเมื่อติดสารเสพติดแล้วก็ง่ายที่จะเข้าสู่วงจรอบายมุขต่างๆ ได้ง่าย ทั้งนี้ อยากให้ทุกคนระวังเรื่องปาร์ตี้ ตั้งวงดื่มเหล้า และควรหลีกเลี่ยงการใช้สารเสพติด
สำหรับผู้ที่ต้องการเลิกเหล้า บุหรี่ ยาเสพติด สามารถติดต่อช่องทางการช่วยเหลือ สายด่วนเลิกยาเสพติด โทร.1165 สายด่วนเลิกเหล้า โทร.1413 สายด่วนเลิกบุหรี่ โทร.1600
นายธนกร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวว่า ในขณะนี้มีคนไทยอยู่จำนวนหนึ่งเป็นนักเล่นพนันตามบ่อน พาตัวเองไปบ่อนต่างๆ เช่น บ่อนบ้าน บ่อนงานศพ หรือบ่อนมีชื่อในเมือง รวมทั้งบ่อนชายแดน ซึ่งบางที่ยังเปิดอยู่ โดยเฉพาะแถวภาคตะวันออก แน่นอนว่าในบ่อนพนันเป็นพื้นที่การ์ดต่ำอยู่แล้ว ไม่เว้นระยะห่าง ไม่สวมแมส และมีการสัมผัสวัตถุร่วมกัน มีการลุ้น การสรวลเสเฮฮา นักพนันจึงเป็น "คนเสี่ยง" เพราะอาจเป็นผู้แพร่เชื้อ และมักมีพฤติกรรมเสี่ยงคือ ทั้งเล่นพนัน ดื่มสุรา สูบบุหรี่ และท่องเที่ยวไปตามพื้นที่เสี่ยงอย่างบ่อน ผับบาร์ โรงนวด ที่เป็นสถานที่ปิด ไม่ระบายอากาศ
นักพนันบางคนมีการเดินทางพาตัวเองกับเชื้อโควิด-19 ไปไกลหลายร้อยกิโลเมตร
นายธนกร ได้ฝากไปยังภาครัฐว่า จะต้องไม่การ์ดตก คุมพื้นที่เสี่ยงให้อยู่ ทั้งพื้นที่ออฟไลน์และออนไลน์ที่จ้องจะขยายตลาดอยู่ตลอดเวลา ที่น่าสนใจคือน่าจะต้องทำความเข้าใจให้มากขึ้นว่า เพราะเหตุใดในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงสูงในทุกด้านขณะนี้ ทำไมจึงมีคนกล้าเสี่ยงไปเล่นพนัน ถ้าในกระบวนการสอบสวนโรคเก็บข้อมูลด้านนี้ไว้ด้วย อาจทำให้สังคมเข้าใจกลุ่ม ผู้เล่นพนันมากขึ้น และทำงานกับพวกเขาได้ตรงโจทย์ รวมถึงควรใช้โอกาสนี้ในการเชิญชวนให้คนติดพนันเข้าสู่กระบวนการรักษาอาการติดพนันอย่างเป็นระบบ
ทางด้าน นายเอ (นามสมมุติ) เยาวชนที่ผ่านประสบการณ์ ยาเสพติด ยอมรับว่า ตนเคยก้าวพลาด เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดตั้งแต่ ม.1 เริ่มจากดื่มเหล้า สูบบุหรี่ หนักขึ้น หันมาเสพยาและเป็นผู้ค้า เคยเสพมากสุดถึง 10 เม็ดต่อวัน วงจรชีวิตก็แย่ลงเรื่อยๆ กว่าจะเลิกเสพและเลิกอบายมุขทุกอย่างได้ ชีวิตครอบครัวก็เกือบพัง
"จากบทเรียน อยากฝากเตือนใจวัยรุ่นช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ทุกคนใช้ชีวิตด้วยความยากลำบากอยู่แล้ว ต้องไม่ประมาท หยุดเอาตัวเองไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยง หยุดการรวมกลุ่มมั่วสุม เหล้า บุหรี่ ยาเสพติดที่กำลังระบาดรุนแรงอยู่ตอนนี้ เพราะยิ่งเป็นสถานที่ปิด สถานที่แอบซ่อน การใช้เครื่องมืออุปกรณ์เสพยาร่วมกัน ยิ่งทำให้แพร่เชื้อ เสี่ยงซ้ำซ้อนทั้งสารเสพติด ทั้ง โควิด-19 คนรอบข้างเสี่ยงไปด้วย ยิ่งซ้ำเติมปัญหาให้ควบคุมยากขึ้น ดังนั้นต้องเริ่มจากตัวเราเอง จัดการตัวเองหยุดหรือถอยออกจากยาเสพติด อบายมุขมันเป็นความเสี่ยง ที่เราสามารถเลี่ยงได้ ให้ปลอดภัยจากโควิด"
นางนัยนา ยลจอหอ ประธานชุมชนวัดสวัสดิ์วารีสีมาราม เขตดุสิต กรุงเทพฯ เปิดเผยว่า เคยเข้าไปคลุกคลีในบ่อนการพนัน จึงทราบดีว่าบ่อนพนันเป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อโรคได้เป็นอย่างดี เนื่องจากในบ่อนมีผู้คนจำนวนมากเข้ามาเล่นการพนันอย่างเบียดเสียดกันในห้องที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก อีกทั้งยังดื่มเหล้าและสูบบุหรี่ร่วมกันโดยไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา ที่สำคัญคือ มีการเสิร์ฟอาหารและน้ำดื่มที่ไม่ถูกสุขอนามัย ปัจจุบันหากยังทำพฤติกรรมแบบเดิม ถือว่ามีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อและแพร่เชื้อโควิด-19 เป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงอยากขอความร่วมมือให้นักพนันและนักดื่มทั้งหลายช่วยหยุดกิจกรรมดังกล่าว เพราะการรวมตัวเล่นการพนัน ดื่มเหล้า รวมถึงเสพยาเสพติด มีความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 สูงมาก
"อยากขอร้องให้นักพนัน และนักดื่ม อยู่บ้าน พักผ่อนดูแลตัวเอง อย่าออกไปรวมกลุ่มกันทำกิจกรรมซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจ เนื่องจากโควิด-19 เป็นเชื้อโรคที่มองไม่เห็น จึงไม่อยากให้ท่านไปพื้นที่เสี่ยง หากเลี่ยงได้ควรเลี่ยง และอย่านำเชื้อกลับมาบ้านฝากครอบครัว อยากให้คำนึงถึงคนในครอบครัวและสังคมให้มาก บรรดาอบายมุขทุกชนิดนอกจากทำลายสุขภาพกายสุขภาพใจ ทำลายเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ในครอบครัวแล้ว ยังเพิ่มโอกาสการติดเชื้อของตัวเองและไปแพร่เชื้อสู่คนอื่นได้ ต่อให้คนในวงนั้นเราสนิทแค่ไหนเราก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่าเขาไปพื้นที่เสี่ยงมาหรือไม่ เขาไปสัมผัสคนติดเชื้อมาหรือไม่ หรือเขาอาจจะติดแล้วแต่ไม่แสดงอาการ" นางนัยนา กล่าว
นอกจากนี้ นางนัยนา ยังได้ฝากไว้ว่า "วิธีคิดที่ดีที่สุดคือ ให้คิดว่ามีคนติดเชื้ออยู่ใกล้ตัวเรา ป้องกันตัวเองให้ดีที่สุด ไม่เอาตัวเองเข้าไปรวมกลุ่มอยู่ในพื้นที่เสี่ยงทั้งวงเหล้า พนัน สิ่งเสพติดทั้งหลาย และคนที่ติดควรถือโอกาสนี้ลด ละ เลิกซะ"
อีกด้านหนึ่ง ได้มีการเปิดเผยผลสำรวจเกี่ยวกับการจัดการต่อสู้รับมือกับสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ที่ทำการสำรวจจาก 98 ประเทศทั่วโลก จัดทำโดยสถาบันโลวี ซึ่งเป็นสถาบันวิชาการอิสระที่ทำการศึกษาวิจัยด้านการเมือง ยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจ ตั้งอยู่ในนครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ทั้งนี้ ได้จัดให้ นิวซีแลนด์ เวียดนาม และ ไต้หวัน เป็น 3 อันดับแรก ของชาติที่รับมือจัดการกับสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ดีที่สุด ส่วนประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 4
ขอให้ความพยายามที่ผ่านมาในการต่อสู้กับไวรัสร้ายของทุกฝ่ายไม่สูญเปล่า และประสบผลสำเร็จอย่างเต็มที่
วันนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกยังคงน่าเป็นห่วง ไม่สามารถไว้วางใจอะไรได้ หากประมาทหรือการ์ดตก เมื่อไหร่ก็มีสิทธิ์ที่จะเกิดการแพร่ระบาดอย่างหนักขึ้นมาได้ทุกเมื่อ สิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งก็คือเรื่องของจิตสำนึก ทำตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ไม่ฝ่าฝืนกฎเกณฑ์อันดีที่สังคมได้ตั้งไว้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสร้ายที่คุกคามโลกอยู่ในขณะนี้
เริ่มจากตัวเรา แล้วขยายออกไปสู่สังคมในวงกว้าง ร่วมกันฝ่าฟันภัยร้ายในครั้งนี้ไปให้จงได้