‘เส้นเตี๋ยว’ปนเปื้อนข้อมูลเก่า

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน


'เส้นเตี๋ยว'ปนเปื้อนข้อมูลเก่า  thaihealth


แฟ้มภาพ


          กรมวิทยาศาสตร์ฯวอน ปชช.อย่ากังวล หลังโซเชียลโพสต์เตือนเส้นก๋วยเตี๋ยวปนเปื้อนวัตถุกันเสียเกินมาตรฐานหลาย 10 เท่า เผยข้อมูลเก่าปี'50 ปัจจุบันตรวจเข้ม-ปัญหาน้อยลงไม่ถึงขั้นอันตราย


          ขณะนี้มีการแชร์ข้อมูลในโซเชียลมีเดียกันอีกครั้ง เกี่ยวกับวัตถุกันเสียที่ผสมในเส้นก๋วยเตี๋ยว โดยเผยแพร่ว่ามีการใช้วัตถุกันเสียเกินค่ามาตรฐานจำนวนมาก พร้อมข้อความระบุว่า เป็นการศึกษาจากศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 10 อุบลราชธานี ที่ตรวจพบว่ามีการใช้วัตถุกันเสียเกินค่ามาตรฐาน ตั้งแต่ 1,079-17,250 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม (มก./กก.) ซึ่งมากมายมหาศาลและเสี่ยงทำลายตับและไต โดยเฉพาะในเส้นเล็กพบอันตรายที่สุดถึง 17,250 มก./กก. รองลงมาคือ เส้นหมี่ 7,825 มก./กก. ก๋วยจั๊บเส้นใหญ่ 7,358 มก./กก. ก๋วยจั๊บเส้นเล็ก 6,306 มก./กก. บะหมี่โซบะ 4,593 มก./กก. และก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ 4,230 มก./กก. จนทำให้ประชาชนเกิดความวิตกกังวลกัน


          ทั้งนี้ นพ.สุขุม กาญจนพิมาย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ข้อมูลที่มีการเผยแพร่ในโซเชียล เป็นข้อมูลเก่าตั้งแต่ในงานประชุมวิชาการวิทยาศาสตร์การแพทย์ ปี 2550 โดยเป็นการนำเสนอผลงานวิจัยของศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 10 อุบลราชธานี ที่ตรวจพบว่ามีการใช้วัตถุกันเสียในเส้นก๋วยเตี๋ยวเกินเกณฑ์ที่มาตรฐานกำหนด และจากการนำเสนอข้อมูลงานวิจัยนี้ ทำให้ในปี 2551 สธ.เกิดความร่วมมือระหว่างกรมวิทยาศาสตร์ฯ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กรมอนามัย และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทั่วประเทศ ได้พัฒนาและออกสุ่มตรวจคุณภาพเส้นก๋วยเตี๋ยว ผ่านโครงการก๋วยเตี๋ยวอนามัย โดยเน้นควบคุมเรื่องการใช้ปริมาณวัตถุกันเสียและสุขลักษณะการผลิตที่ดี (GMP) ส่งผลให้การใช้วัตถุกันเสียลดลง


          "เมื่อก่อนพบวัตถุกันเสียในเส้นก๋วยเตี๋ยวจริง แต่เมื่อมีการพบก็ได้เกิดความร่วมมือและพัฒนาให้คำแนะนำโรงงานในการผลิต ปัจจุบันพบวัตถุกันเสียน้อยลงมาก แม้จะมีบ้างแต่ปริมาณไม่ได้มากขนาดเท่าเมื่อปี 2550 โดยของเก่าพบเกินหลายสิบเท่า แต่ปัจจุบันเกินมาตรฐานมากสุดประมาณ 2 เท่า แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นอันตรายจนต้องตื่นตระหนก เพราะเมื่อตรวจพบได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแจ้งไปยังโรงงานผู้ผลิตให้ปรับปรุงเร่งด่วนแล้ว ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนที่รับข้อมูลเหล่านี้อย่าตกใจ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะแนะนำให้กินก๋วยเตี๋ยวทุกวัน เพราะตามหลักโภชนาการแล้วควรรับประทานอย่างหลากหลายดีที่สุด" นพ.สุขุมกล่าว


          อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์ฯกล่าวอีกว่า สำหรับการตรวจสอบคุณภาพที่ผ่านมา สำนักคุณภาพและความปลอดภัยอาหารได้ทำการติดตามผลการดำเนินงาน โดยตรวจวิเคราะห์วัตถุกันเสียในเส้นก๋วยเตี๋ยวโดยวิธีทางห้องปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2555-2559 จากจำนวนตัวอย่างทั้งหมด 370 ตัวอย่าง ตรวจพบการใช้วัตถุกันเสียเกินมาตรฐานกำหนด 71 ตัวอย่าง หรือคิดเป็นร้อยละ 19.2 วัตถุกันเสียที่พบ คือ กรดซอร์บิค ร้อยละ 3.1 และพบไม่เกินค่ามาตรฐานทุกตัวอย่าง โดยมีปริมาณที่พบอยู่ระหว่าง 102-414 มก./กก. และกรดเบนโซอิค พบเกินมาตรฐานกำหนด จำนวน 71 ตัวอย่าง หรือร้อยละ 28.6 โดยปริมาณที่พบอยู่ระหว่าง 10.6-3,995 มก./กก. โดยเฉพาะเส้นก๋วยจั๊บ เส้นใหญ่ และเส้นผัดไทยชนิดแห้ง และเมื่อนำข้อมูลที่ได้มาเปรียบเทียบกับข้อมูลจากงานวิจัยในปี 2550 พบว่า จำนวนตัวอย่างที่ตรวจพบการใช้วัตถุกันเสียเกินมาตรฐานกำหนดลดลงจากร้อยละ 36 เหลือเพียงร้อยละ 19.2 และปริมาณวัตถุกันเสียที่ตรวจพบสูงสุดลดลงจาก 17,250 เหลือเพียง 3,995 มก./กก. โดยที่ค่ามาตรฐานกำหนด ซึ่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 281 พ.ศ.2547 กำหนดให้พบได้ไม่เกิน 1,000 มก./กก.


          รศ.ทรงศักดิ์ ศรีอนุชาต ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า วัตถุกันเสียที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นกรดเบนโซอิคที่มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ ส่วนพวกยีสต์และรา ก็จะมีการใส่ผสมเช่นกัน แต่สารป้องกันราใส่น้อยมาก อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะถูกขับออกทางปัสสาวะได้ ส่วนที่กำหนดค่ามาตรฐานอยู่ที่การรับวัตถุกันเสียต้องไม่เกิน 1,000 มก./กก. เพราะจะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย อย่างไรก็ตาม ข้อมูล ณ ปัจจุบันวัตถุกันเสียที่พบในเส้นก๋วยเตี๋ยวถือว่าน้อยมาก ไม่เท่ากับอดีตเมื่อปี 2550 ซึ่งขณะนั้นผู้ผลิตก็ต้องการรักษาเส้นก๋วยเตี๋ยวทั้งชนิดอบ ชนิดตากแห้งให้อยู่ทนอยู่นานที่สุดก็อาจมีการใส่มาก เพราะต้องมีการขนส่งไปยังจังหวัดต่างๆ ทำให้ตรวจพบวัตถุกันเสียปริมาณสูง แต่ปัจจุบันมีการตรวจสอบจากหน่วยงานรัฐ จึงไม่ต้องกังวล เพราะปริมาณที่พบก็ไม่ได้ทำให้เกิดอันตรายถึงขั้นตับไตพัง อย่างที่มีการแชร์ข้อมูลในโลกออนไลน์


          รศ.ทรงศักดิ์กล่าวอีกว่า ประกอบกับปัจจุบันผู้ผลิตก็มีกรรมวิธีในการผลิตเส้นก๋วยเตี๋ยวที่ดีขึ้น ลดการใช้วัตถุกันเสีย หรือใช้น้อยลงมาก โดยหน่วยงานรัฐก็มีการเข้าไปแนะนำ ทั้งวิธีการผลิตที่ถูกสุขลักษณะ ความสะอาดให้ปลอดเชื้อจุลินทรีย์ การใช้วัตถุกันเสียก็จะน้อยตามลงไป ดังนั้น ขอให้มั่นใจ อย่าตื่นตระหนก แต่ที่สำคัญก็ไม่แนะนำให้กินแต่เส้นก๋วยเตี๋ยวอย่างเดียว ควรบริโภคตามหลักโภชนาการ คือ กินอาหารอย่างหลากหลาย ครบ 5 หมู่ และถูกสุขลักษณะดีที่สุด


 


 

Shares:
QR Code :
QR Code