เส้นทางสู่ พรบ.ควบคุมยาสูบ

เส้นทางสู่ พรบ.ควบคุมยาสูบ thaihealth


"เราตั้งเป้ากันว่าจะต้องลดอัตราการสูบบุหรี่ลง30%หากเรา สื่อสารกันเช่นนี้ คนทั่วไปย่อมไม่เข้าใจและไม่เห็นภาพว่า ร่าง พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าวจะเข้ามามีบทบาทและมีประโยชน์ต่อชีวิตของพวกเขา อย่างไร ดังนั้น ผู้ที่ขับเคลื่อนงานทางด้านนี้ จะต้องสื่อสารให้คนทั่วไปเข้าใจได้ว่า หากคลอดกฎหมายฉบับนี้ออกมาแล้วได้เขาจะได้ประโยชน์อะไร หรือหากไม่คลอดออกมาจะเสียประโยชน์อะไร และต้องทำให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม"


นพ.วิชช์ เกษมทรัพย์ อาจารย์ประจำภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี วิเคราะห์ได้อย่างน่าสนใจ ในงานประชุมวิชาการ "บุหรี่กับสุขภาพแห่งชาติ" ครั้งที่ 14 เรื่อง "หนุนกฎหมายบุหรี่ใหม่ เพื่อคุณภาพชีวิตคนไทย" จัดโดยศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมการยาสูบ (ศจย.) ร่วมกับภาคี เครือข่ายควบคุมยาสูบ และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริม สุขภาพ (สสส.)


หลายปีที่ผ่านมา มีความพยายามจากทุกภาคส่วนในการผลักดัน กฎหมายควบคุมยาสูบ ให้มีผลบังคับใช้อย่างเป็นรูปธรรม คู่ขนานไปกับ การปูพรมรณรงค์ทุกพื้นที่ทั่วประเทศให้เกิดความเข้าใจ ตระหนักรู้ และลดจำนวนนักสูบหน้าใหม่ ซึ่งแม้จะทุ่มเทสรรพกำลัง และจัดกิจกรรม อย่างต่อเนื่อง แต่จำนวนผู้สูบบุหรี่ในบ้านเราก็ยังไม่ได้ลดลงจนน่าชื่นใจ เท่าไหร่นัก


เส้นทางสู่ พรบ.ควบคุมยาสูบ thaihealth


หนึ่งในความพยายามที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมคือการลงชื่อสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่ ที่ขณะนี้มีแล้ว กว่า 11.2 ล้านคน ซึ่งภายในวันที่ 20 ก.ย.นี้ ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ตั้งเป้าว่าจะต้องได้รายชื่อ ผู้สนับสนุนให้ได้ราว 15 ล้านคน หรือเท่ากับ 1 ใน 4 ของประชากรทั้งประเทศ แต่ความเป็นจริงที่นักวิชาการตรวจพบ กลับกลายเป็นว่าส่วนใหญ่ คนที่มาลงชื่อสนับสนุนนั้นเห็นด้วยว่า ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมยาสูบฉบับใหม่ นั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่ยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ เมื่อคลอดออกมาแล้วมีดีอย่างไร เป็นประโยชน์อย่างไร


บนเวทีเสวนาในการประชุมวิชาการครั้งนี้ ได้มีการหยิบยกรายละเอียดของร่างกฎหมายฉบับนี้ และชี้แจงว่าจะมาช่วยชีวิตของคนในครอบครัวได้อย่างไร นายจิรวัฒน์ อยู่สบาย สำนักควบคุมการบริโภคยาสูบ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข อธิบายว่า กฎหมายดังกล่าวเป็นการปรับปรุงจากกฎหมายเดิมที่มีอยู่คือ พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ และ พ.ร.บ.คุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ ให้มีความทันสมัยมากขึ้น เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันที่มีผลิตภัณฑ์ยาสูบใหม่ๆ และกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่ๆ ซึ่งหากร่างกฎหมายฉบับใหม่คลอดออกมาบังคับใช้ ก็จะสามารถช่วยปกป้องเยาวชนไม่ให้กลายเป็นนักสูบหน้าใหม่ได้


นั่นเป็นเพราะร่างกฎหมายฉบับใหม่นี้มีการปรับอายุผู้ที่ซื้อ บุหรี่ได้จากอายุต้องเกิน 18 ปี เป็นอายุต้องเกิน 20 ปี เช่นเดียวกับ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเมื่อโตขึ้นก็จะมีวิจารณญาณดีขึ้น ไม่เลือก ที่จะสูบบุหรี่ นอกจากนี้ ยังห้ามขายบุหรี่แบบแบ่งซอง ซึ่งที่ผ่านมา พบว่า เด็กกว่า 88.3% เข้าถึงบุหรี่จากการแบ่งซองขาย ทำให้กลายเป็น นักสูบหน้าใหม่ได้ง่าย เพราะการซื้อแบบเต็มซอง มีราคาแพง เด็กจะ เข้าถึงบุหรี่ได้ยาก เนื่องจากทุนทรัพย์ไม่เพียงพอ


นอกจากจะทำให้ประชาชนเข้าใจว่าทำไมถึงต้องมีร่างกฎหมายควบคุมยาสูบฉบับใหม่แล้ว การให้การศึกษาถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะ จากการสำรวจในอังกฤษ พบว่า คนที่ทำงานในบริษัท จบปริญญาตรี มีการติดบุหรี่เพียง 1 ใน 10 แต่คนที่ขายแรงงานกลับมีการติดบุหรี่มากถึง 1 ใน 3


ความรู้จึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งในอนาคตก็มีความเป็นไปได้ที่เมื่อคนไทยมีความรู้ การศึกษาสูงมากๆ ก็มีโอกาสที่จะออกกฎหมายแบบสุดโต่งในการห้ามขาย ห้ามสูบไปเลยก็เป็นได้


ทั้งนี้ ทุกฝ่ายต่างตั้งความหวังว่าหากสามารถทำให้คนไทยเข้าใจถึง ประโยชน์ที่แท้จริงของร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่ได้ การตั้งเป้าผู้ลงชื่อสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้จำนวน15ล้านคน ภายในวันที่ 20 ก.ย. นี้ ซึ่งตรงกับวันเยาวชนแห่งชาติ ก็มีสิทธิที่จะไปถึงฝั่งฝันได้อย่างแน่นอน


 


 


ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ


ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ

Shares:
QR Code :
QR Code