เสียงไร้สายส่งตรงถึงชุมชน

 

 

 

เวลา 16.30 น.ของทุกวันทำงาน ณ ตำบลไกรนอก จังหวัดสุโขทัย หากใครได้ผ่านไปเวลานั้นพอดีจะได้ยินเสียงเพลง “มนต์รักลูกทุ่ง” ดังก้องไปทั่วทั้งตำบล จากฝีมือการเปิดเพลงของ ธีรยุทธ สีสัตย์ซื่อ เลขานุการ นายก อบต.ไกรนอก ที่รับงานเป็นวิทยากรประจำ “เสียงไร้สาย” ของตำบลไกรนอกแห่งนี้

“พอ 4 โมงครึ่งตรงผมจะเริ่มเปิดเพลงให้ฟัง เพลงที่เปิดก็มีอยู่เพลงเดียวคือเพลงมนต์รักลูกทุ่ง ที่ปัจจุบันนี้กลายเป็นว่าพอเพลงมนต์รักลูกทุ่งมา ชาวบ้านจะบอกว่า มาแล้วครูยุทธมาแล้ว หุงข้าวได้แล้ว” ธีรยุทธ บอก

“เสียงไร้สาย” คืออะไร ทำไมต้องเสียงไร้สาย ทำไมไม่เป็นเสียงตามสายเหมือนที่อื่นๆ ธีรยุทธ เปิดเผยถึงที่มาของเสียงไร้สายว่า ที่ตำบลไกรนอก อำเภอกงไกรลาศ จังหวัดสุโขทัย เป็นพื้นที่ที่มีบริบทเป็นชนบท การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของประชาชนมีโอกาสน้อย ทางชุมชนจึงมีแนวคิดในการจัดตั้งหอกระจายข่าว โดยผู้ใหญ่ประเสริฐ  มาดหมาย เป็นผู้คิดริเริ่มก่อตั้งหอกระจายข่าวขึ้นมาจากการที่ได้ไปศึกษาดูงานตามสถานที่ต่างๆ โดยทาง ตำบลไกรนอก ต้องการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารทางราชการ รวมไปถึงการรับรู้ข้อมูลความเดือดร้อนของประชาชนในหมู่บ้านและหมู่บ้านข้างเคียงได้รับทราบข่าวสารจากเสียงไร้สาย ที่มีประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาความเดือนร้อนของประชาชนได้อย่างทันท่วงที และประชาชนมีความพึงพอใจ มีความสุขกับข้อมูลข่าวสารที่ได้รับ

แหล่งการเรียนรู้หอกระจายข่าวหรือเสียงไร้สายถูกจัดเป็นแหล่งการเรียนรู้โดยสำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ยกให้เป็นเสียงไร้สายแห่งนี้ เป็นศูนย์เรียนรู้อีกแห่งหนึ่งของตำบลไกลนอกด้วย

“เดิมมีการตั้งหอกระจายข่าวไว้ที่สถานีอนามัยหรือที่ตั้งของรพ.สต.ไกรนอกในปัจจุบันนี้ แล้วก็ย้ายมาไว้ที่บ้านของผู้ใหญ่บ้านคนปัจจุบัน หลังจากนั้นหมู่อื่นๆ ก็ได้ทำเสียงตามสายตามแบบหมู่ 5 เช่นกัน ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2553 นายก อบต.มีแนวคิดว่าเสียงตามสายนั้นกระจายเสียงได้เฉพาะแต่ละหมู่ เลยเกิดการตั้งงบประมาณขึ้นให้เกิดเป็นเสียงไร้สาย เพื่อการกระจายเสียงได้ครอบคลุมทั้งตำบล”ธีรยุทธ กล่าว

การจัดการหอกระจายข่าวและเสียงไร้สาย มีการดำเนินงาน 3 ด้านดังนี้ 1.การบริหารจัดผู้ที่สนใจต้องการจัดรายการและขอความร่วมมือจากผู้ใหญ่บ้านของแต่ละหมู่เพื่อให้ข่าวสารประชาชนด้วยจิตอาสา หลังจากนั้นได้แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงานเพื่อช่วยกันขับเคลื่อนกลุ่มหอกระจายข่าวและเสียงไร้สาย โดยประกอบด้วยคณะกรรมการทั้งหมด 6  คนและผู้จัดทำรายการ 5 คน สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาให้ความรู้ในเรื่องของตน โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น 2.ข้อมูลการพัฒนาหอกระจายข่าวหรือเสียงไร้สาย ได้จากการไปศึกษาดูงานของผู้ใหญ่ประเสริฐ มาดหมาย และการอบรมให้ความรู้จากมหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงครามและพัฒนาชุมชนให้ความรู้ในเรื่องการใช้คำพูด การพูดให้ถูกวิธีแก่แกนนำ ผู้นำชุมชน 3.การเผยแพร่ความรู้สู่ชุมชน มีเวรสับเปลี่ยนกันมาให้ความรู้ตามความถนัดของตนเอง เช่น วันจันทร์ คุณธีรยุทธ ให้ความรู้ในเรื่องทันเหตุการณ์เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน วันอังคารคุณครูเยาวลักษณ์ ให้ความรู้ในเรื่องการศึกษา วันพุธ ส.อ.เทพา ให้ความรู้ในเรื่องเตือนภัยทุกรูปแบบ วันพฤหัสบดี สภาเด็ก ให้ความรู้ในเรื่องของเด็กและวัยรุ่น เช่น การแก้ปัญหาในวัยรุ่น วันศุกร์ คุณหมอวิศาล ให้ความรู้ในเรื่องสุขภาวะ อีกทั้งยังประชาสัมพันธ์ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในตำบล”

ธีรยุทธ เล่าต่อว่า ข้อดีของเสียงไร้สายคือ สามารถกระจายสัญญาณไปได้ไกลถึง 20 กม.เมื่อทำเป็นเสียงไร้สายแล้วทุกหมู่จะได้ยินข่าวพร้อมกันครบทั้ง 8 หมู่ ในปัจจุบันมีจุดกระจายเสียงอยู่ทั้งหมด 12 จุด และกำลังดำเนินการติดตั้งเพิ่มอีก 10 จุดเพื่อให้ได้ยินชัดทั่วกันทั้งตำบล โดย 1 จุดนั้นจะมีลำโพง 4 ตัว ซึ่งทางตัวแม่จะมีแผงรับคลื่น โดยแผงรับคลื่นนั้นจะมีทุกจุด โดยการติดตั้งจุดแรกกับจุดที่ 2 ห่างกันไม่เกิน 20 เมตร โดยจากตัวแรกถึงตัวสุดท้ายไกลประมาณ 20 กม.จะรับสัญญาณได้ชัดเจน ทุกคนในตำบลจะได้ยินเสียงพร้อมกัน

“การกระจายข่าวจะประกาศให้ชาวบ้านฟังทุกวัน ยกเว้นวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุด ตั้งแต่เวลา 16.30 น.-17.00 น. เหตุที่ออกอากาศเฉพาะตอนเย็นเพราะว่าในตอนเช้า จะเปิดโอกาสให้แต่ละหมู่บ้านได้ประกาศภายในหมู่บ้านกันเอง ข่าวสารที่นำเสนอนั้นมีทุกเรื่องแม้กระทั่งเรื่องการจัดหางาน ข่าวจากทางอำเภอ การป้องกันภัย การเตือนภัย หากวันไหนไม่มีข่าวจากหน่วยงานราชการหรือที่อื่นๆ จะใช้วิธีหาข่าวจากหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารที่มีประโยชน์มาอ่านให้ชาวบ้านฟัง และมีการสำรวจว่าตรงไหนที่ไม่ค่อยได้ยิน ชาวบ้านจะโทรมา พอมีเครื่องใหม่มาเพิ่ม 10 จุด เราก็จะออกไปตามจุดที่มีคนโทรมาร้องเรียนว่าไม่ค่อยได้ยิน พอติดตั้งเพิ่มจนครบ 22 จุดแล้ว คนทำนาอยู่ก็จะได้ยินด้วยเหมือนกัน”

ส่วนการใช้ห้องกระจายเสียงนั้น นอกจากธีรยุทธที่เป็นผู้ดูแลและเป็นผู้ประกาศแล้วจะมีแนวร่วมคือนายแพทย์วิศาลที่จะมาในวันศุกร์และโรงเรียนที่อยู่ในเขตบริการจะมาออกอากาศเกี่ยวกับการศึกษาของเด็กๆ นอกจากนั้นจะมีสภาเด็กและหน่วยงานป้องกันของ อบต. มาร่วมออกอากาศด้วย

ด้านแผนในอนาคตจะให้เยาวชนเข้ามามีส่วนร่วมด้วย มีการวางแผนว่าจะให้เข้ามาอ่านข่าวแต่ต้องเป็นช่วงเย็นเพราะว่าช่วงเช้านั้นเด็กๆ ต้องไปเรียนหนังสือ ต้องประสานงานกับครูก่อน เหมือนเป็นหลักสูตรส่งเสริมภาษาไทย เป็นหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับการพูด แต่จะเน้นไปที่นักเรียนมัธยมมากกว่า

สำหรับการพัฒนา ธีรยุทธ บอกว่าเรื่องออกอากาศตอนนี้อยากให้เพิ่มอุปกรณ์ เพราะในตอนนี้มีไมค์อยู่เพียง 1 ตัว นอกจากนั้นต้องใช้ไมค์สายพ่วงที่ไม่ค่อยสัมพันธ์กันกับอุปกรณ์เท่าไร หากมีไมค์หลายตัว จะได้สามารถออกอากาศร่วมกันเล่าข่าวคุยให้ชาวบ้านฟังได้

ด้านผลความพอใจที่ชาวบ้านมีต่อ “เสียงไร้สาย” นั้น ธีรยุทธบอกอย่างภาคภูมิใจว่า “ชาวบ้านพอใจมากๆ เพราะตามปกติแล้ว ชาวบ้านไม่ค่อยได้ดูโทรทัศน์เท่าไร ไม่ค่อยได้ฟังข่าว ทางเราก็จะหาข่าวเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ มาให้ชาวบ้านได้ฟัง ชาวบ้านก็จะชอบใจและคิดตาม ผมเองเคยเป็นครูมาก่อนก็จะพูดออกอากาศแบบไม่เครียด ไม่ได้อ่านให้ฟังแต่เป็นการเล่าเรื่องให้ฟัง พอ 4 โมงครึ่งตรงผมจะเริ่มเปิดเพลงให้ฟัง พอเพลงเปิดชาวบ้านทุกคนจะหยุดกิจกรรมทุกอย่างหมดเพื่อฟัง ว่าวันนี้ “ครูยุทธ” จะเล่าเรื่องอะไร”

 

 

ที่มา : สำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน (สน.3) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ

Shares:
QR Code :
QR Code