เสียงสะท้อนจากเยาวชน กำหนดอนาคตชาติ

          “เด็กและเยาวชนอยากเห็นอะไรที่เปลี่ยนแปลงจากการศึกษาไทย” เป็นประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาถกเถียง เพื่อรับฟังเสียงสะท้อนจากผู้เรียน ในการประชุมวิชาการ “อภิวัฒน์การเรียนรู้สู่จุดเปลี่ยนประเทศไทย” ซึ่งจัดโดยสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และเครือข่ายเพื่อปฏิรูปการเรียนรู้ ที่อิมแพ็คฟอรั่ม เมืองทองธานี


/data/content/24249/cms/e_afhmqruvyz67.jpg


          ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นในวงการศึกษาไทย วันนี้คงไม่มีใครปฏิเสธว่าการจัดการศึกษาของไทยเดินมาถึงจุดวิกฤติหนักแล้ว แม้จะมีความพยายามปฏิรูปการศึกษากันมาหลายครั้งหลายหน จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จ


        ณ วันนี้ได้มีกลุ่มเยาวชนที่รวมตัวกันเป็นมวลมหาเยาวชน ลุกขึ้นมาขอมีส่วนร่วมในการชี้ชะตา กำหนดอนาคตการศึกษาไทยกันแล้ว หากจะมีการเปลี่ยนแปลงการศึกษาของประเทศ ต้องฟังเสียงจากเยาวชนซึ่งจะเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงว่า เขาเหล่านั้นอยากได้การศึกษารูปแบบใด ต้องการเรียนรู้อะไร และอย่างไร เพื่อทำให้เขาเติบโตไปเป็นอนาคตที่ดีของชาติ


/data/content/24249/cms/e_cdehiklnqst7.jpg


        มาฟังเสียงจากเยาวชนที่เรียนการศึกษาทางเลือก อย่างน้อง วรวัส สบายใจ อายุ 20 ปี  ซึ่งได้สะท้อนความรู้สึกลึก ๆ ออกมาว่า มาตรฐานการศึกษาที่ตายตัวเป็นสิ่งที่ฝืนและทำลายธรรมชาติการเรียนรู้ของเด็ก ไม่เข้าใจว่าทำไมประเทศไทยถึงปล่อยให้เด็ก 3.5 ล้านคนเสียโอกาสทางการศึกษาที่มีคุณภาพ หรือเป็นเพราะการศึกษาไทยถูกโยนให้เป็นหน้าที่ของกระทรวงศึกษาธิการ ของโรงเรียน ของครู แต่ลืมไปว่าการศึกษาคือชีวิต คือการเรียนรู้ ซึ่งเด็กต้องการครอบครัวที่พร้อมจะส่งเสริม ครูที่เข้าใจ ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมถ่ายทอดประสบ การณ์ ชุมชนที่เห็นความสำคัญ และท้องถิ่นที่ตั้งใจทำงานจริงจัง เพื่อนำไปสู่อนาคตการศึกษาไทยที่ดีกว่า ทุกคนต้องร่วมขับเคลื่อนไปด้วยกัน ไม่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนใดคนหนึ่ง ดังนั้นไม่ว่านโยบายของรัฐบาลจะเป็นอย่างไร อยากให้คิดเสมอว่ายังมีเด็กอีกมากที่พร้อมจะเรียนรู้ในสิ่งที่จะก่อให้เกิดคุณค่าต่อตนเอง สังคม และประเทศชาติ


         สำหรับ พชรพรรษ์ ประจวบลาภ นักศึกษาวิทยาลัยเทคโนโลยีสยามบริหาร ธุรกิจ ฐานะประธานเครือข่ายยุวทัศน์ พูดด้วยความมั่นใจว่า ทุกวันนี้สถานศึกษามักใช้เด็กเป็นเครื่องมือแสวงหาชื่อเสียงให้แก่สถาบัน โดยการพาเด็กออกไปช่วยงานในเวลาเรียนแล้วให้คะแนนพิเศษ ทำให้เด็กต้องเสียประโยชน์ในการเรียน จึงอยากบอกให้เข้าใจว่า เด็กและเยาวชนไม่ใช่คนแข็งกร้าวหรือสุดโต่ง แต่เป็นเพราะได้รับความเดือดร้อนจากระบบการศึกษา จึงอยากลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลง และสะท้อนให้ผู้ใหญ่นำความคิดไปพัฒนาต่อยอด ซึ่งเสียงจากไม่กี่คนคงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ แต่อย่าลืมว่ายังมีมวลมหาเยาวชนอีกมากที่รอสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการศึกษาไทยอยู่


/data/content/24249/cms/e_eflmqsvwxz14.jpg


       ขณะที่ ชิดชนัย ศรีเที่ยงตรง วัย 25 ปี ซึ่งออกจากโรงเรียนตั้งแต่ชั้น ม.2 บอกว่า โอกาสกลับเข้ารับการศึกษาของเด็กที่หลุดระบบมีน้อยลงทุกที เพราะถูกสังคมปิดกั้นทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรผิด และที่รัฐบาลบอกว่าให้เรียนฟรี 15 ปีก็ไม่ทราบว่ามีจริงหรือไม่ เพราะคนไม่มีเงินอย่างพวกผมยังต้องออกจากระบบการศึกษา จึงอยากให้สังคมให้โอกาสให้เด็กกลุ่มนี้มีที่ยืนในสังคม ได้รับโอกาสทางการศึกษาและโอกาสในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมอย่างมีความสุข ไม่ถูกกดอย่างที่เป็นอยู่


        สุดท้าย น้องปราชญ์ ปราดเปรื่อง ชั้น ม.4 โรงเรียนบางละมุง จ.ชลบุรี บอกว่า ทุกวันนี้การศึกษาปั่นป่วนไม่แพ้การเมือง เพราะนัก การเมืองออกแบบและขีดเส้นให้เดินตาม ถึงแม้จะมีความพยายามปฏิรูปการศึกษามาอย่างยาวนาน ก็ไม่เกิดการพัฒนา เพราะทุกอย่างยังเป็นไปตามวาระของรัฐมนตรี


       จะเห็นว่าสิ่งที่เด็กและเยาวชนได้สะท้อนออกมาอย่างพรั่งพรู ล้วนแต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในวงการศึกษาไทย และสิ่งที่เด็ก ๆ อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ คงต้องฝากความหวังไว้กับบรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง และจุดนี้ก็คงไม่มีใครสามารถตอบได้ว่า เสียงสะท้อนจากใจมวลมหาเยาวชนเหล่านี้จะได้รับการตอบรับหรือไม่


 


 


        ที่มา: อาภากร สำอางค์ญาติ  เว็บไซต์เดลินิวส์

Shares:
QR Code :
QR Code