เสริมมงคลให้กับชีวิต ด้วย “อาหาร” ในวัน “ตรุษจีน”
เรียนรู้ความหมายกับของไหว้เจ้า
“ตรุษจีน” เป็นเทศกาลสิริมงคลของคนไทยเชื้อสายจีนและบุคคลทั่วไป มีความเชื่อในสิ่งที่ศรัทธา ซึ่งชาวจีนสืบทอดเป็นประเพณีมาอย่างยาวนาน โดยในแต่ละปี แต่ละคน แต่ละครอบครัวอาจประสบอุปสรรคชีวิตไม่เหมือนกัน เมื่อมาถึงปีใหม่ก็ต้องการขจัดปัดเป่าอุปสรรคและให้ชีวิตในปีใหม่มีความสมปรารถนา
การไหว้ตรุษจีนจะนิยมเรียกกันว่า “วันชิวอิด” จะนิยมไหว้ “ไช้ซิ้งเอี๊ย” หรือเทพเจ้าแห่งโชคลาภ ฤกษ์ที่ดีที่สุดในการไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภในปีนี้ ตรงกับเช้ามืดของ วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา 24.01-24.59 นาฬิกา ซึ่งเป็นช่วงที่ฟ้าเปิด เป็นฤกษ์ที่ดีที่สุด โดยปีนี้เทพเจ้าแห่งโชคลาภจะเสด็จมาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ แล้วที่สำคัญชาวจีนยังนิยมเปิดไฟไว้ที่ศาลเจ้าที่หรือที่เรียกว่า “ตี่จู่เอี๊ย” เพื่อรอรับวันที่เจ้าที่จะเสด็จกลับลงมาจากสวรรค์ด้วย
โดยทั่วไปการไหว้เจ้า ชาวจีนจะแบ่งเป็น 3 ช่วงเวลาเริ่มตั้งแต่ตอนเช้ามืดจะไหว้ “ไป๊เล่าเอี๊ยะ” คือการไหว้เทพเจ้าต่างๆที่เคารพนับถือ พอตอนสายจะไหว้ “ไป๊เป้บ๊อ” คือไหว้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว สุดท้ายเป็นตอนบ่ายจะไหว้ “ไป๊ฮ้อเฮียตี๋” ผีพี่น้องในครอบครัวที่ล่วงลับไปแล้ว
แต่หากพูดถึงการจัดของไหว้นั้นจะจัด 2 แบบด้วยกันคือ การจัดใหญ่ โดยทั่วไปนิยมจัดเป็นตัวเลข 5 คือ มีของอาหารคาว 5 อย่าง ที่เรียกว่า “โหงวแซ” ประกอบไปด้วย หมู เพราะความอ้วนของตัวหมู สะท้อนถึงความกินดีอยู่ดีจึงมีความหมายถึงความมั่งคั่ง อาหารจานที่สองเป็นไก่ เพราะชาวจีนเชื่อว่าไหว้ด้วยไก่แล้ว ก่อให้เกิดความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และยังแสดงว่าเป็นคนรู้การรู้งาน อาหารจานที่สามได้แก่ ตับ ด้วยคำของภาษาจีนเรียกตับว่า กัว ซึ่งพ้องเสียงกับคำว่า กัว ที่แปลว่าขุนนาง การไหว้ด้วยตับจึงหมายถึง การส่งเสริมให้คนในครอบครัวมีอาชีพที่เจริญมั่นคงเติบโต มาถึงอาหารจานที่สี่ นั้นก็คือ ปลา คนจีนแต้จิ๋วจะเรียกว่า ฮื้อ โดยมีวลีมงคล คือ อู่-ฮื้อ-อู่-ชื้ง แปลว่า ให้เหลือกินเหลือใช้ ดังนั้น การไหว้ด้วยปลาก็เพื่อให้มีเงินเหลือกินเหลือใช้มาก ๆ อาหารคาวจานสุดท้าย จะเป็น กุ้งมังกร ด้วยรูปลักษณ์ของกุ้ง ที่หัวใหญ่ มีก้ามที่ใหญ่ แสดงถึงอำนาจวาสนาของคนในครอบครัว แต่เนื่องจากกุ้งมังกรแพง และหายาก จึงนิยมไหว้เป็ดหรือปลาหมึกแห้งแทน
นอกจากนี้แล้วยังมีของหวาน 5 อย่าง เรียกว่า “โหงวเปี้ย” ก็จะได้แก่ ซาลาเปา การไหว้ด้วยซาลาเปาชาวจีนถือว่าเป็นห่อเงินห่อทองมาให้ลูกหลานในครอบครัว ต่อมาก็คือ…ขนมถ้วยฟู คนจีนแต้จิ๋วเรียกขนมถ้วยฟูว่า ฮวกก้วย แปลว่างอกงาม การไหว้ด้วยขนมชนิดนี้จึงหมายถึงเพื่อให้กิจการการค้าเจริญเติบโตเฟื่องฟู รุ่งเรือง ขนมคัดท้อก้วย ขนมชนิดนี้จะทำลักษณะคล้ายลูกท้อ เพราะชาวจีนถือว่า ลูกท้อ เป็นผลไม้มงคล จึงมีความหมาย อวยพรให้มีอายุยืนยาว นั้นเอง ขนมไข่ หรือที่คนจีนเรียกว่า หนึงก้วย เพราะเชื่อว่าไข่คือบ่อเกิดแห่งการได้เกิดและเติบโต การไหว้ด้วยขนมไข่จึงหมายถึง การที่มีลูกหลานไว้สืบทอดสกุล และเติบโตแข็งแรง และที่ขาดไม่ได้เลยคือ ขนมจับกิ้ม หรือที่นิยมเรียกว่า ขนมแห้ง 5 อย่าง ประกอบด้วย ฟัก หมายถึงฟักเงินฟักทอง ฟักเชื่อม คือการฟักความหวานของชีวิต ข้าว ถั่ว งา คือ ธัญพืช แปลว่า งอกงาม ไหว้เพื่อให้งอกงาม และชีวิตหวานอย่างขนม
หากบ้านไหนจะเพิ่ม ขนมอี๊ หรือขนมบัวลอยจีนเข้าไปอีกหนึ่งอย่างก็ได้ ซึ่งขนมบัวลอยจีนที่ว่านี้ทำมาจากแป้งข้าวเหนียวนวดจนได้ที่ปั้นเป็นลูกกลม ผสมสีชมพู เพื่อให้เป็นสีสิริมงคล ต้มกับน้ำตาล ความหมายมงคลก็เพื่อให้การดำเนินชีวิตในแต่ละวันง่ายขึ้น
เมื่อจัดเตรียมอาหารคาวและอาหารหวานแล้วยังมีผลไม้อีก 5 อย่างที่ใช้ในการไหว้ เรียกว่า “โหงวก้วย” ประกอบไปด้วย ส้ม เพราะคนจีน ถือว่าการไหว้ด้วยส้มจะเกิดแต่สิ่งที่เป็นมหาสิริมงคล หรือมีแต่เรื่องที่โชคดี อย่างที่สอง คือ กล้วย การไหว้ด้วยผลไม้ชนิดนี้ถือว่าให้ลูกหลานมากๆ มีวงศ์วานว่านเครือสืบสกุล สำหรับอย่างที่สาม องุ่น ไหว้ด้วยสิ่งนี้ แปลถึง ความงอกงามในหน้าที่การงานและเงินทอง อย่างที่สี่ก็คือ ท้อ พ้องเสียงกับลูกท้อที่เป็นผลไม้มงคล ที่หมายถึงการมีอายุยืน สุดท้ายอย่างที่ห้า สับปะรด คนจีนแต้จิ๋วเรียก อั้งไล้ แปลว่า เรียกสีแดงมา เพราะสีแดงเป็นสีของโชค จึงมีความหมายว่าเรียกโชคเข้ามาสู่ตนเองและครอบครัว
ส่วนการจัดเล็กนั้นเป็นการจัดของไหว้ชุดละ 3 อย่าง มีของคาว 3 อย่างเรียกว่า “ซาแซ” ของหวาน 3 อย่าง เรียกว่า “ซาเปี้ย” ผลไม้ 3 อย่าง เรียกว่า “ซาก้วย” แต่สำหรับผลไม้นั้นจะมีแค่อย่างเดียวก็ได้ถือว่าไม่ผิดกฎของการไหว้…อาหารคาว หวาน และผลไม้นั้นจะมีรายการคล้ายๆกับการจัดชุดใหญ่นั่นเอง
ในการไหว้แต่ละครั้งสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยอีกอย่างนั่นก็คือ กระถางธูปที่ใช้ไหว้เจ้า นิยมใส่ “โหงวจี้” สำหรับปักธูป ประกอบด้วย เมล็ด 5 อย่าง คือ ข้าวสาร ข้าวเหนียว ถั่วเขียว ถั่วดำ และเชื้อแป้ง โดยถือว่าเมล็ดทั้งห้า คือบ่อเกิดของการเจริญเติบโตอุปมาอุปไมยให้การไหว้เจ้านี้นำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองมาให้กับครอบครัวนั้นเอง
แต่อย่าลืมว่า…การใช้โหงวจี้ปักธูป มีข้อจำกัดว่าใช้ได้แต่ในบ้าน ถ้าเป็นการไหว้นอกบ้าน ต้องใช้ข้าวสารหรือทราย มิฉะนั้นเชื้อแป้งเมื่อถูกความชื้นจะทำให้แข็งตัวแล้วปักธูปไม่ลง และการจุดประทัด ไม่ควรจุดประทัดภายในบ้านเรือนหรือใกล้สายไฟ รวมถึงวัตถุไวไฟต่างๆ เพราะอาจเกิดประกายไฟ จนเกิดเพลิงไหม้อาคารบ้านเรือนได้รับความเสียหาย และไม่ควรจุดประทัดครั้งละจำนวนมากๆ ควรจัดเตรียมถังน้ำไว้ใกล้ๆทุกครั้ง เพราะหากเกิดไฟลุกไหม้ จะช่วยให้ดับไฟได้ทันท่วงที หากประทัดดับก่อนที่จะระเบิด ควรทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วค่อยจุดซ้ำอีกครั้ง
ที่สำคัญ…ต้องระวังลูกหลานของท่านให้ดี เพราะเด็กเล็กๆจะเผลอเข้าใกล้สิ่งเหล่านี้ถ้าไม่ระวังอาจทำให้เกิดอันตรายต่อตัวเด็กได้
นอกจากนี้เมื่อไหว้เจ้าเสร็จก็จะทำการเผากระดาษเงินกระดาษทองเป็นการปิดท้ายรายการเพราะคนจีนเชื่อกันว่า เมื่อตายไปแล้วจะไปยังอีกภพโลกหนึ่ง เรียกว่า “อิมกัง” ดังนั้นลูกหลานจึงต้องส่งเงินทองไปให้ เพื่อแสดงความกตัญญู ด้วยการไหว้เจ้า แล้วเผากระดาษเงินกระดาษทองไปให้ และการไหว้เจ้ายังเป็นสิริมงคลแก่ลูกหลาน ให้มีความสุขความเจริญ ซึ่งกระดาษเงินกระดาษทองบางแบบใช้ไหว้เจ้า บางแบบใช้ไหว้บรรพบุรุษ ไม่ว่าจะเป็น กอจี๊กระดาษเงินกระดาษทองชิ้นใหญ่ที่มีคำอวยพรให้โชคดีใช้ไหว้เจ้าที่ ไหว้เทพยดาฟ้าดิน กิมจั้ว กระดาษเงินกระดาษทองที่ก่อนไหว้ต้องพับเป็นรูปดอกไม้
กิมเตี๊ยว คือ แท่งทอง ใช้ไหว้บรรพบุรุษ ไหว้คนตาย ค้อซี คือ กระดาษทอง ก่อนใช้ให้พับเป็นรูปร่างก่อน แต่ส่นมากนิยมพับเป็นเรือ เชื่อกันว่าการพับเรือ จะได้มูลค่าสูงกว่าการพับอย่างอื่นใช้ไหว้ได้ทุกอย่าง รวมทั้งไหว้คนตาย โดยเฉพาะพิธีทำกงเต๊ก ลูกหลานต้องพับค้อซี ให้มากที่สุด ที่สำคัญคนจีนถือว่ากระดาษเงินกระดาษทองที่ญาตินำไปไหว้ผู้ตายด้วยการเผาจะต้องทิ้งไว้สักพักให้กระดาษไหม้ให้หมด
เมื่อทุกคนได้เส้นไหว้เสร็จแล้ว ก็จะทำการ “เหี่ยม” หรือจบเหนือศีรษะ ระหว่างนี้ให้ทำการอธิฐานขอพรไปด้วย แล้วจึงนำไปเผา เมื่อไฟมอดแล้วจึงไหว้ลา เป็นการเสร็จพิธี
…แล้วช่วงเวลาที่รอคอยของเด็กๆในครอบครัวก็จะมาถึง นั้นก็คือ “อั่งเปา” โดยหลายบ้านจะถือธรรมเนียมว่าให้กันเฉพาะคนในครอบครัวหรือสกุลเดียวกัน แล้วจะขยายวงไปถึงคนรักใคร่นับถือกันเหมือนญาติ ถ้าเป็นผู้ใหญ่ให้เด็กเล็ก ๆ นี่คือการอวยพรให้เจ้าตัวน้อยเจริญเติบโตแข็งแรง ถ้าเป็นผู้ใหญ่ให้ลูกหลานที่ทำงานแล้ว ก็เพื่ออวยพรให้เจริญก้าวหน้าสุขภาพแข็งแรง
หากเป็นลูกที่ทำงานแล้วให้พ่อแม่ ก็คือเพื่ออวยพรให้ท่านแข็งแรงอายุยืนยาว โดยการที่ลูกให้พ่อแม่ และพ่อแม่ให้ลูกนั้น ต้องเป็นเงินของใครของมัน ไม่ใช่ว่าลูกให้พ่อแม่ เมื่อพ่อแม่รับเงินอั่งเปาจากลูกก็ส่งคืนเงินทั้งซองกลับไป แต่ต่างฝ่ายต่างควรเตรียมเงินของตนไว้ให้เรียบร้อย
เมื่อได้รับอั่งเปาเรียบร้อยแล้ว ธรรมเนียมต่อไปคือ การเที่ยวและอยู่พร้อมหน้าครอบครัวเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีในคงมีอยู่ต่อไป
แต่ทว่า!!!…สิ่งที่สำคัญที่สุดและห้ามลืมสำหรับคนเชื้อสายจีนนั้นก็คือ ความไม่ประมาทในเรื่องต่างๆไม่ว่าจะเป็น อาหารการกิน ก็ต้องเลือกซื้ออาหารที่สดและสะอาดปลอดภัย การจุดประทัด เผากระดาษเงินกระดาษทอง ก็ต้องระวังในเรื่องของไฟไหม้ และอุบัติเหตุด้วย ร่วมไปถึงสารตะกั่วที่เกิดจากการเผาไหม้ก็ต้องระวัง
รวมไปถึงเมื่อกินอาหารมงคลแต่ละอย่างแล้วอย่าลืมออกกำลังกายด้วยเพื่อให้ร่างกายได้เผาผลาญพลังงานส่วนเกินออกไปให้ร่างกายของคุณได้แข็งแรง ไว้สำหรับทำสิ่งที่เป็นมงคลแบบนี้ในปีต่อๆไป
เรื่องโดย : ภราดร เดชสาร Team content www.thaihealth.or.th
Update 04-02-53
อัพเดทเนื้อหาโดย : ภราดร เดชสาร