เสริมชุมชนเข้มแข็ง ลดปัจจัยเสี่ยง “เหล้า-บุหรี่”
ที่มา : หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ
สภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป มีอิทธิพลต่อพฤติกรรม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งนำไปสู่ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนทั้งสุขภาพ และคุณภาพชีวิต ซึ่งในการลดปัจจัยเสี่ยงในสังคมจำเป็นต้องอาศัยการมีส่วนร่วม โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเข้มแข็งขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
เมื่อไม่นานมานี้ ในเวทีสานพลังชุมชนท้องถิ่นเข้มแข็งสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ครั้งที่ 2 ประจำปี 2561 โดยสำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และภาคีเครือข่าย ได้มีการจัดเวทีเสวนาหัวข้อ รูปธรรมการขับเคลื่อนปฏิรูประบบปฏิบัติการของชุมชนท้องถิ่นเพื่อ “ลดปัจจัยเสี่ยง สร้างปัจจัยเสริม” นำโดย นายบุญธง เทพา นายกเทศมนตรี ตำบลเฝ้าไร่ จ.หนองคาย ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ของพื้นที่ว่า สุราและบุหรี่ เป็นปัจจัยเสี่ยงที่มีอยู่ในทุกชุมชน สำหรับพื้นที่ตำบลเฝ้าไร่ มีปัญหาด้านอุบัติเหตุจากการดื่มสุราโดยเฉพาะช่วงเทศกาล ซึ่งจุดสำคัญในการแก้ปัญหาคือ การอาศัยความร่วมมือของทุกคนในชุมชนทั้ง 11 หมู่บ้าน ซึ่งมีการจัดตั้งคณะกรรรมเพื่อดูแลปัจจัยเสี่ยงในชุมชน และเริ่มทำการเก็บข้อมูลทั้งจำนวนผู้ดื่ม จำนวนร้านค้าที่จำหน่าย เพื่อนำมาวิเคราะห์ถึงขั้นตอนการแก้ปัญหา และเริ่มจากการลดจำนวนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในงานบุญต่าง ๆ ผลที่ได้นอกจากจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจัดงาน ยังลดความเสี่ยงในการทะเลาะวิวาท ลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุได้เห็นผลที่ชัดเจน ทำให้ชาวบ้านให้ความสนใจในการให้ความร่วมมือมากขึ้นเพราะเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน
นายบุญธง บอกอีกว่า ขณะที่การสร้างจิตสำนึก ได้เน้นไปยังการปลูกฝังภายในโรงเรียนเพื่อให้เยาวชนเป็นส่วนเชื่อมโยงคนในครอบครัว รวมถึงจัดตั้งโครงการคนต้นแบบเลิกเหล้า-บุหรี่ โดยให้ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แต่ละหมู่บ้านเป็นผู้นำ เพราะเป็นบุคคลที่ใกล้ชิดกับชาวบ้าน เมื่อผู้นำทำได้ก็จะเป็นแบบอย่างให้ประชาชนอยากเข้าร่วม ซึ่งแนวคิดนี้ต้องขอบคุณทาง สสส. ที่เข้ามาช่วยให้คำแนะนำตลอดจนสร้างแนวทางร่วมกันจนเกิดเป็นรูปธรรม โดยปัจจุบันพื้นที่ตำบลเฝ้าไร่มีบุคคลต้นแบบเลิกเหล้ากว่า 343 คน
ด้าน นายสุพจน์ วรรณสวัสดิ์ นายกเทศมนตรี ตำบลภูแล่นช้าง จ.กาฬสินธุ์ ถ่ายทอดการจัดการเรื่องบุหรี่ของชุมชนว่า การสร้างปัจจัยเสริมในพื้นที่คือ การนำทุกฝ่ายเข้ามาทำงานร่วมกัน เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงในชุมชน โดยตำบลภูแล่นช้างได้ดำเนินการเรื่องบุหรี่ในชุมชนโดยใช้ศูนย์พัฒนาครอบครัวชุมชน เป็นส่วนเชื่อมโยง ร่วมกับโรงเรียน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในเขตพื้นที่ และมอบหมายให้กลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เป็นผู้นำขับเคลื่อนกระบวนการทำงานผ่านสโลแกน “ภูแล่นช้างร่วมสร้างสังคมปลอดบุหรี่” โดยเริ่มจากการสำรวจพฤติกรรมของผู้สูบบุหรี่ในชุมชนพบว่า มีคนสูบบุหรี่ในพื้นที่ประมาณ 300 คน โดยจำนวนกว่า 200 คน อยากเลิกแต่ไม่รู้วิธีการ จึงเกิดการค้นหาแนวทางทำให้เกิดการอบรมเสวนาโดยนำผู้ที่เลิกบุหรี่ได้มาเป็นต้นแบบร่วมพูดคุยกับผู้ที่อยากเลิก ถ่ายทอดความรู้ และแนะนำแนวทางการเลิกบุหรี่ มีการมอบรางวัลบุคคลต้นแบบ และครอบครัวต้นแบบไม่สูบ เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่ผู้ร่วมโครงการ ในขณะที่การป้องกันนักสูบหน้าใหม่ได้มีการจัดค่ายครอบครัวโดยใช้ธรรมะในการขัดเกลาให้เยาวชนเข้าใจและเห็นพิษภัยของบุหรี่
นายสุพจน์ อธิบายอีกว่า ในเชิงพื้นที่ตำบลได้กำหนดพื้นที่ห้ามสูบ เช่น วัด โรงเรียน ร้านค้า และพื้นที่สาธารณะ โดยหากฝ่าฝืนก็จะถูกดำเนินการตักเตือน และหากกระซ้ำก็จะดำเนินการทางกฎหมาย โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานตำรวจในพื้นที่ในการดูแลเรื่องนี้ รวมถึงการดื่มสุราในที่สาธารณะควบคู่กันด้วย
“การลดปัจจัยเสี่ยง ต้องอาศัยแนวร่วม นอกจากการหาแนวร่วมในพื้นที่ การร่วมเป็นหนึ่งในเครือข่ายชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ทำให้เกิดแนวร่วมนอกพื้นที่มากมาย เกิดกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้วิธีการแก้ปัญหาจากหลายพื้นที่แล้วนำมาปรับใช้จัดการพื้นที่ตนเอง นี่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ตำบลภูแล่นช้าง สามารถจัดการพื้นที่ตนเองให้ประชาชนมีความสุข ทั้งด้านสุขภาพ และคุณภาพชีวิตที่ดี” นายสุพจน์ ทิ้งท้าย
ยังมีอีกหลายพื้นที่ในเครือข่ายชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ที่เป็นต้นแบบในการจัดการตนเอง ที่มีศักยภาพมีองค์ความรู้ที่เกิดจากการเก็บข้อมูลภายในชุมชนแล้วมาวิเคราะห์ เพื่อวางแนวทางการพัฒนาชุมชน เมื่อได้รู้จักตัวเองอย่างดีแล้ว ยิ่งทำให้การพัฒนาได้ตรงจุด ชุมชนก็อยู่ดี มีสุข ดังพระบรมราโชวาทของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงใช้คำว่า “ระเบิดจากข้างใน” นั่นคือ ทำให้ชุมชน หมู่บ้าน มีความเข้มแข็งก่อนแล้ว จึงค่อยออกมาสู่สังคมภายนอก