เสนอรัฐฟื้นทะเล-ชายฝั่ง
ทะเลไทยมีพื้นที่ 350,000 ตารางกิโลเมตร ชายฝั่งมีความยาว 2,815 กิโลเมตร ที่ดินชายฝั่งเนื้อที่ 20.54 ล้านไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 24 จังหวัด มีประชากรรวมกันมากกว่า 13 ล้านคนมีความหลากหลายทางทรัพยากรชนิดพันธุ์สัตว์น้ำ และความหลากหลายทางชีวภาพประกอบด้วย ป่าชายหาด ป่าชายเลน ปะการัง หญ้าทะเล ระบบนิเวศมวลน้ำทะเลและมวลน้ำกร่อยซึ่งอุดมไปด้วยลูกสัตว์น้ำวัยอ่อน และแพลงตอน แร่ธาตุน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และสารออกฤทธิ์ทางยาแต่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ทะเลและชายฝั่งของประเทศกำลังเปลี่ยนไป
สัตว์น้ำในทะเลซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญของการประมงมีภาวะเสื่อมโทรมลดจำนวนลงอย่างน่าใจหาย จากที่เคยจับได้มากกว่า 131 กิโลกรัมต่อชั่วโมงลดลงเหลือ 22 กิโลกรัมต่อชั่วโมงในฝั่งอ่าวไทย และ 45 กิโลกรัมต่อชั่วโมงในฝั่งอันดามันที่ดินชายฝั่ง ชายหาด ป่าชายเลนถูกบุกรุกครอบครองและออกเอกสารสิทธิโดยไม่ชอบ โดยเอกชนและบริษัทขนาดใหญ่
โครงการพัฒนาของรัฐและเอกชนมุ่งใช้ที่ดินชายฝั่งเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมหนัก การก่อสร้างท่าเรือน้ำลึก การถมทะเล ก่อให้เกิดปัญหาต่อระบบนิเวศทะเล มลภาวะ และผลักดันให้ชุมชนชายฝั่งต้องสูญเสียวิถีชีวิตดั้งเดิม สูญเสียอาชีพ เผชิญกับปัญหาความยากจนความไม่เป็นธรรมอันเป็นการพัฒนา
เกิดความไม่เป็นธรรมและความเหลื่อมล้ำในการอนุรักษ์ และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ที่เกิดกับชุมชนชายฝั่ง ชนเผ่าทะเล และชาวประมงพื้นบ้านที่มีจำนวนร้อยละ 93 ของชาวประมงทั้งหมด ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 60,000 ครอบครัวใน 4,000 หมู่บ้านแต่มีสัดส่วนการจับสัตว์น้ำจากทะเลได้เพียงร้อยละ 9 เท่านั้น จากมูลค่ารวมปีละกว่า 120,000 ล้านบาทเช่นเดียวกับกรณีการส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่มาบตาพุด
ชุมชนชายฝั่งส่วนใหญ่ไม่มีสิทธิในที่อยู่อาศัย ที่ดินทำกิน เนื่องจากการประกาศพื้นที่ป่าของรัฐทับซ้อนไปในที่ดินและทะเลโดยขาดการมีส่วนร่วม และไม่ยอมรับสิทธิชุมชนในการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างสมดุลและยั่งยืน ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550
เวทีสมัชชาปฏิรูปประเทศไทย ครั้งที่ 1 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-26 มีนาคม นี้ตระหนักถึงความสำคัญของปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว จึงได้นำเอาข้อเสนอเรื่องการปฏิรูปโครงสร้างการจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง บรรจุไว้ในระเบียบวาระซึ่งในร่างข้อเสนอได้ชี้ให้เห็นถึงสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นกับทะเลและชายฝั่งของไทยอย่างครอบคลุม รวมทั้งเสนอมาตรการในการแก้ไขที่สมควรได้รับการพิจารณาและสานต่อ
ร่างข้อเสนอ ได้เสนอให้รัฐบาลกำหนดหลักการที่ว่า ทะเล และทรัพยากรชายฝั่งเป็นทรัพยากร สาธารณะที่ประชาชนมีสิทธิเข้าถึงและได้รับประโยชน์ บนหลักการความมั่นคงของระบบนิเวศ ความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งมีความสำคัญต่อเสถียรภาพของระบบนิเวศทางทะเลและตอบสนองความจำเป็นขั้นพื้นฐานของมนุษย์อย่างเท่าเทียม
รวมทั้งเสนอให้มีการดำเนินการออกนโยบายและแนวทางการปฏิบัติในการรับรองสิทธิชุมชน และเร่งรัดการใช้นโยบายโฉนดชุมชนแก้ไขปัญหาที่ตั้งถิ่นฐานและทำกินของชุมชนชายฝั่ง
ทั้งหมดเหล่านี้คือข้อเสนอในส่วนสาระสำคัญ เพื่อนำไปสู่การปฏิรูประดับโครงสร้างการจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งให้เกิดความสมดุลของระบบนิเวศอย่างยั่งยืน และสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในชุมชนท้องถิ่นอย่างแท้จริง
แน่นอนที่สุด เส้นทางการปฏิรูประดับโครงสร้างเช่นนี้ ย่อมกระทบกับอำนาจรัฐบางส่วนที่เคยชินกับการรวมศูนย์อำนาจในการจัดการทรัพยากรไว้ที่ส่วนกลางมายาวนาน กระทบกับโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ รวมถึงกระทบกับภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องจำนวนไม่น้อยที่มุ่งเน้นการแสวงหากำไรสูงสุดโดยไม่คำนึงถึงผลพวงที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อม และวิถีชีวิตของผู้คนในชุมชนท้องถิ่น
แต่ถึงกระนั้น ใช่ว่าข้อเสนอจะไม่มีทางให้มีการขานรับได้ ถ้ารัฐบาลไม่ติดยึดอำนาจและผลประโยชน์ตนพวกพ้องเป็นหลัก เวทีสมัชชาปฏิรูปประเทศไทยที่เสนอรัฐฟื้นทะเล-ชายฝั่งให้กลับมาสมบูรณ์งดงามขึ้นอีกอาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเดินทาง ที่แม้ต้องอาศัยเวลามากพอสมก็ตาม
ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามรัฐ