เวทีสัมมนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้และการพัฒนาสมรรถนะครูสอนดีภาคใต้
สสค. จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ “ทุนครูสอนดี” 5 ภูมิภาคตลอด ต.ค.นี้ ประเดิม ‘ภาคใต้’ ด้วยการถอดองค์ความรู้ผ่านศิลปะพื้นบ้านครูใต้ ร่วม ‘ออกแขก’ ด้วย ‘มโนราห์นางรำจิ๋ว-ระบำรองเง็ง-หนังตะลุง -ดิเกร์ ฮูลู’
สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) จัด “เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อการพัฒนาสมรรถนะครูสอนดี 5 ภูมิภาค” จำนวน 530 คน ที่ได้รับการสนับสนุน “ทุนครูสอนดี” จากโครงการ “สังคมไทยร่วมกันคืนครูดีให้ศิษย์ เชิดชู ยกย่อง ครูสอนดี” เพื่อต่อยอดองค์ความรู้ และขยายผลไปสู่แนวทางการพัฒนาศักยภาพครูทั่วประเทศ เพื่อช่วยเด็กด้อยโอกาส โดยเริ่มจากเวที 1.ภาคใต้ที่จังหวัดกระบี่ 2.ภาคกลางที่จังหวัดเพชรบุรี 3.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนที่จังหวัดอุดรธานี 4.ภาคเหนือจังหวัดเชียงใหม่ และ 5.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างและภาคตะวันออกที่จังหวัดชลบุรี ระหว่างวันที่ 7-30 ตุลาคม 2556
สำหรับ “เวทีสัมมนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้และการพัฒนาสมรรถนะครูสอนดีภาคใต้” ได้จัดขึ้นเพื่อนำเสนอนวัตกรรมผู้ได้รับทุนครูสอนดีในพื้นที่ 14 จังหวัด รวมทั้งสิ้น 87 โครงการ ผ่านการศิลปะการแสดงและการล่ะเล่นพื้นบ้านภาคใต้หลายรูปแบบ อาทิ มโนราห์นางรำจิ๋ว, ระบำรองเง็ง, หนังตะลุง, ดิเกร์ฮูลูฯลฯ พร้อมชมนวัตกรรมการเรียนรู้เพื่อเด็กด้อยโอกาสด้วยการเนรมิตร “สวนสัมผัส”ของครูสอนดีเมืองกระบี่ ที่สามารถพัฒนาสมรรถภาพเด็กพิเศษทั้งทางด้านกายภาพและชีวภาพ รวมถึงยังสามารถสร้างเสริมจินตนาการและความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
นายนคร ตังคะพิภพ หัวหน้าโครงการติดตามสนับสนุนชุดโครงการทุนครูสอนดี กล่าวว่า“ที่ผ่านมาการดำเนินโครงการต่างๆ ภายใต้ทุนครูสอนดีได้ก่อให้เกิดแนวทางการพัฒนาการเรียนการสอนให้เกิดประโยชน์แก่เด็กและเยาวชนได้จริง โดยเฉพาะเด็กด้อยโอกาสในพื้นที่ที่ห่างไกลและทุรกันดาร โดย สสค. จะทำหน้าที่ในการขยายผลด้วยการนำนวัตกรรมที่น่าสนใจและโดดเด่นออกมาเผยแพร่สู่สาธารณะเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับภาคประชาสังคมให้มากยิ่งขึ้น”
รศ.ดร.จิราภรณ์ ศิริทวี หัวหน้าทีมติดตามสนับสนุนชุดโครงการครูสอนดีในพื้นที่ภาคใต้ ได้กล่าวถึงการจัดเวทีในครั้งนี้ว่า ไม่ได้เน้นในเรื่องของการจัดนิทรรศการ แต่มุ่งหวังให้เกิดการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันให้มากที่สุด โดยเฉพาะการดึงศักยภาพของครูใต้ซึ่งมีความตั้งใจ และเป็นนักปฏิบัติทำงานด้วยใจ โดยเฉพาะการทำโครงการต่างๆ เพื่อให้เด็กได้มีอาชีพและมีงานทำภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง
ด้าน นางมะลิวัลย์ รัตนสมบูรณ์ ผู้ได้รับทุนครูสอนดีจ.กระบี่ จากศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดกระบี่ผู้คิดค้นนวัตกรรม “สวนสัมผัส” เพื่อช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสที่เกิดจากปัญหาความพิการด้านร่างกายและสติปัญญากล่าวว่า หลังจากได้เข้าร่วมเวทีแลกเปลี่ยนในครั้งแรกทำให้ได้รับบทเรียนว่าการซื้อสื่อการเรียนการสอนมาใช้กับเด็กกลุ่มนี้นั้น ยังได้รับประโยชน์ไม่เต็มที่ เพราะเด็กๆ จะได้รับการพัฒนาด้านสติปัญญาเพียงแค่ในห้องเรียนเท่านั้น
“เด็กที่พัฒนาแล้วเช่นสามารถเดินได้แล้ว เราก็ไม่รู้ว่าจะต่อยอดให้เขาได้อย่างไร เพราะเขายังอยู่แต่ในห้องเรียน จึงรู้สึกว่ายังพัฒนาเขาไม่ได้เต็มที่ เพราะที่ผ่านมาเราพัฒนาได้แต่คุณภาพด้านร่างกาย ส่วนคุณภาพด้านจิตใจและการพัฒนาอารมณ์ยังไม่เกิดขึ้น” ครูมะลิวัลย์กล่าว
ด้วยเหตุนี้แนวคิดในการจัดทำ “สวนสัมผัส” จึงเกิดขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของเด็กทุกคนรวมไปถึงผู้ปกครอง โดยเมื่อมองเผินๆ จะเหมือนกับการจัดภูมิทัศน์ของศูนย์การศึกษาพิเศษฯ ให้ดูดีขึ้น แต่เป็นการปรับปรุงภูมิทัศน์ที่สร้างประโยชน์ให้กับเด็ก ผู้ปกครอง และครูผู้สอนเป็นอย่างมากในการใช้พื้นที่ในแต่ละส่วนมาประยุกต์ใช้ในการเสริมสร้างพัฒนาการด้านต่างๆ ให้กับเด็ก
“อุปกรณ์แต่ละชิ้นในสวนสัมผัสจะมีสภาพพื้นผิวและสีสันที่แตกต่างกัน ที่สามารถช่วยสร้างพัฒนาการให้กับเด็กได้เป็นอย่างดี และยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครอง เด็กๆ จะได้เรียนรู้ทักษะทางสังคม ได้พัฒนาร่างกาย พัฒนาสมองและความคิด เกิดจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ รวมไปถึงยังได้ฝึกการใช้ภาษา แต่สิ่งที่ต้องปรับปรุงก็คือความเชื่อมโยงของอุปกรณ์ที่จะช่วยสร้างพัฒนาการให้เด็กได้เป็นลำดับ และยังขาดพื้นผิวสัมผัสที่ครบทุกรูปแบบ จึงจำเป็นที่จะต้องพัฒนาไปอีกขั้นโดยจะต้องรับฟังความคิดเห็นจากครู ผู้ปกครอง และประสบการณ์จากเพื่อครูในเวทีครั้งนี้เพื่อนำไปพัฒนาสวนสัมผัสต่อไปอีกขั้น” ครูมะลิวัลย์ระบุ
เวทีสัมมนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้และการพัฒนาสมรรถนะครูสอนดีภาคใต้ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ จึงไม่ได้เป็นเพียงเวทีจัดแสดงผลงานของครูสอนดีแต่ละท่าน แต่เป็นเสมือนเวทีระดมความคิดเห็นในการสนับสนุนและส่งเสริมการทำงานเพื่อช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสซึ่งกันและกัน อันจะนำไปสู่แนวทางการพัฒนาศักยภาพครูทั่วประเทศ และยังจะเป็นเวทีสำคัญที่จะนำไปสู่การกำหนดทิศทางจัดการศึกษาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของท้องถิ่น
ที่มา : สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.)