เลือกของที่ระลึกช่วยลดโลกร้อน
เป็นธรรมเนียมไปเสียแล้วในการประชุมสัมมนาขององค์กรต่างๆ ที่จัดขึ้น มักจะต้องมีของที่ระลึกติดไม้ติดมือให้ผู้เข้าร่วมสัมมนานำกลับบ้านเสมอ เราเคยนับกันบ้างไหมว่าของที่ระลึกที่ได้จากงานสัมมนาในแต่ละปีมีกี่ชิ้น และที่สำคัญสิ่งของที่ได้มาเหล่านั้น ได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์ได้จริงสักกี่ชิ้น ส่วนที่เหลือก็ถูกตั้งทิ้งไว้ให้ฝุ่นเกาะ และเมื่อถึงเวลาเราก็โละทิ้งเป็นขยะ เพิ่มภาระให้กับโลกอีกส่วนหนึ่ง
การให้ความสำคัญกับเรื่องเล็กน้อยอย่างการเลือกของที่ระลึกในงานประชุมสัมมนาก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยลดโลกร้อนได้ และยังเป็น 1 ใน 8 แนวทางกรีนมีทติ้งส์ที่ สสปน.ได้นำเสนอไว้ผ่าน Green Meetings Guideline ซึ่งยังสามารถนำไปปรับใช้ได้กับการเลือกของที่ระลึกในงานสำคัญต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นงานแต่งงาน งานวันเกิดหรืองานเลี้ยงรวมรุ่นกับเพื่อนเก่า
เพื่อให้มั่นใจว่าของที่ระลึกที่เราจะมอบให้ผู้รับนั้นช่วยลดปริมาณขยะ และช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ผู้จัดงานควรพิจารณาว่าของที่ระลึกนั้นมีคุณสมบัติเหล่านี้หรือไม่
1. ผลิตจากวัสดุที่สามารถหาได้ง่ายในท้องถิ่น ประหยัดพลังงานในการขนส่ง เช่น ผลไม้สดปลอดสารพิษ ใบชาเลิศรสเมล็ดพันธุ์พืชผักสวนครัว ไม้ดอก ไม้ประดับ พร้อมดินและกระถาง
2. ลดการใช้บรรจุภัณฑ์สำหรับของที่ระลึกไม่ต้องห่อกระดาษหลายชั้น หรือจะเปลี่ยนมาใช้กระดาษห่อของขวัญแบบรีไซเคิลก็อินเทรนด์แบบกรีนมีทติ้งส์ไม่น้อย
3. มีการออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco–Design)เลือกใช้ผลิตภัณฑ์หรือบรรจุภัณฑ์ทำจากวัสดุรีไซเคิลหรือวัสดุที่ผ่านการใช้งานแล้ว เช่นถุงผ้าลดโลกร้อนจากวัสดุธรรมชาติ ดอกไม้ในกระป๋องรีไซเคิล
4. ใช้วิธีการจัดซื้อสีเขียว (Green procurement)สังเกตหาสินค้าที่มีฉลากเขียว รักษ์สิ่งแวดล้อม
5. ไม่มีส่วนประกอบของพืชที่หายากใกล้สูญพันธุ์หรือสัตว์ป่า
6. สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้จริง เช่น Thumb drive แก้วน้ำลวดลายสะดุดตาที่ใส่น้ำดื่มในงานประชุมสัมมนาและนำกลับไปใช้ต่อได้ที่บ้านหรือที่ออฟฟิศ
ถึงแม้การให้ของที่ระลึกจะเป็นเหมือนธรรมเนียมปฏิบัติที่เราคุ้นเคยเมื่อไปงานต่าง ๆ อย่างไรก็ดี ในบางครั้งของที่ระลึกก็อาจไม่มีความจำเป็น เพียงแค่รูปภาพสักใบจากงานก็น่าจะเป็นสิ่งช่วยเตือนความประทับใจได้อย่างดีที่สุด และยังเป็นการช่วยลดการสร้างขยะที่ดีวิธีหนึ่งด้วย สอดคล้องกับการจัดงานในรูปแบบกรีนมีทติ้งส์และยังแสดงให้เห็นว่าผู้จัดงานมีจิตสำนึกที่จะแสดงความรับผิดชอบต่อส่วนรวม
ที่มา :หนังสือพิมพ์เดลินิวส์