เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในเด็กป่วย

 

มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย ร่วมกับ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี, ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์, ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ และ สภาการพยาบาล จัดประชุมวิชาการ “breast feeding sick babies” เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการให้ทารกที่ป่วยได้รับการเลี้ยงดูด้วยนมแม่อย่างถูกต้องทัดเทียมกับเด็กปกติ

โดยได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐอเมริกา “ศ.ดร.ไดแอน แอล.สแปตซ์” ได้มาถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ เทคนิค และทักษะในการทำให้เด็กป่วยได้รับนมแม่

น.พ.อนันต์ เศรฐภักดี รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้มีความสอดคล้องกับนโยบายของรัฐที่เน้นเรื่อง การดูแลสตรีและเด็กทุกคน ซึ่งจะทำให้บุคลากรด้านสาธารณสุขได้เห็นความสำคัญ และความจำเป็นที่จะต้องให้เด็กทารกและเด็กที่เจ็บป่วยได้รับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างถูกต้องและต่อเนื่องเท่าเทียมกับเด็กปกติทั่วไป

“การส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้ประสบความสำเร็จ จะต้องเสริมสร้างทัศนคติ และค่านิยมของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือน แม้ลูกจะเจ็บป่วยแม่ก็ยังสามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ ซึ่งบุคลากรทางการแพทย์จะต้องมีความรู้และทักษะในการช่วยเหลือ และสนับสนุนให้แม่เลี้ยงลูกที่ป่วยด้วยนมแม่ จึงจะทำให้เด็กป่วยได้รับการเลี้ยงดูด้วยนมแม่อย่างถูกต้องทัดเทียมกับเด็กปกติ” น.พ.อนันต์ กล่าว

พร้อมกันนี้ เวทีการประชุมดังกล่าว “ศ.ดร. ไดแอน” ได้นำเสนอองค์ความรู้ “บันได 10 ขั้นในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในเด็กป่วย” ทั้งแนวคิดและทัศนคติในการขับเคลื่อนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในเด็กป่วย โดยเน้นย้ำว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือ บุคลากรทางการแพทย์ต้องมีความรู้และทักษะที่ถูกต้องจึงจะช่วยสนับสนุนให้แม่สามารถเลี้ยงลูกที่ป่วยด้วยนมแม่ได้ประสบความสำเร็จ 

“มีงานวิจัยมากมายที่แสดงให้เห็นถึงพลังของนมแม่ ที่บ่งชี้ว่าน้ำนมแม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อสุขภาพของทารกที่ป่วยได้อย่างดียิ่ง นมแม่เปรียบเสมือนการรักษา มีความสำคัญเสมือนเป็นเครื่องช่วยหายใจ ช่วยปกป้องเด็กทารกได้ และจำเป็นอย่างยิ่งที่แพทย์และพยาบาลจะต้องให้เด็กที่ป่วย ได้รับการเลี้ยงดูด้วยน้ำนมแม่ เพราะนมแม่สามารถลดการติดเชื้อในเด็กป่วย เป็นทั้งยาและภูมิคุ้มกันที่นมผงไม่สามารถทดแทนได้

นอกจากนี้ นมแม่ยังมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาการด้านสมองรวมไปถึงระบบอวัยวะต่างๆ ในร่างกายของเด็กที่ป่วยหรือคลอดก่อนกำหนด และนมแม่ยังจะทำให้เด็กที่ป่วยออกจากโรงพยาบาลได้เร็วกว่าเด็กที่ไม่ได้รับการเลี้ยงด้วยนมแม่” ศ.ดร.ไดแอน ระบุ 

สำหรับ “บันได 10 ขั้นในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในเด็กป่วย” ประกอบไปด้วย 1. informed decision หรือการให้ข้อมูลเกี่ยวกับนมแม่อย่างละเอียดกับพ่อแม่และครอบครัวของเด็กว่า นมแม่นั้นมีประโยชน์อย่างไร และมีความจำเป็นมากแค่ไหนที่ต้องเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ 2. establishment and maintenance of milk supply เป็นความรู้และวิธีการเพื่อให้ได้มาซึ่งน้ำนมแม่สำหรับให้เด็กป่วยในกรณีต่างๆ 3. human milk management วิธีการเก็บและใช้น้ำนมแม่ในการเลี้ยงดูเด็กป่วยที่ถูกต้องและเหมาะสม 4. oral care เป็นขั้นตอนและวิธีการต่างๆ ในการให้นมแม่กับเด็กที่ป่วย 5. skin to skin care เป็นการกระตุ้นให้แม่พร้อมที่จะมีน้ำนมและทำให้ลูกพร้อมที่จะรับนมแม่ ด้วยการสัมผัสแบบเนื้อแนบเนื้อ นับตั้งแต่อยู่ในห้องคลอดจนถึงหออภิบาลทารก 6. nonnutritive sucking at the breast เป็นการกระตุ้นให้เด็กทารกมีความคุ้นเคยกับเต้านมแม่ เพราะจะช่วยให้ทารกปรับดูดนมจากเต้าได้ในภายหลังออกจากห้องอภิบาลทารก 7. transition to breast and technology to support breastfeeding เป็นเทคนิคและวิธีการที่จะปรับให้เด็กทารกสามารถดูดนมจากเต้าได้ 8. measuring milk transfer เป็นวิธีการประเมินว่า เด็กป่วยได้รับน้ำนมแม่เพียงพอหรือไม่ 9. preparation for discharge หรือการเตรียมพร้อมสำหรับแม่และเด็กป่วยก่อนกลับบ้าน และ 10. appropriate follow-up ซึ่งจะต้องมีการให้คำแนะนำช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาอย่างเหมาะสมต่อเนื่อง เมื่อแม่และลูกกลับไปที่บ้าน เพื่อให้แม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้อย่างประสบความสำเร็จ

“เด็กที่ป่วยทุกคนควรที่จะมีโอกาสได้รับนมแม่เช่นเดียวกับเด็กที่ไม่ได้ป่วย และบุคลากรทางการแพทย์ทุกระดับจะต้องมีทัศนคติที่เชื่อมั่นว่า นมแม่ดีที่สุด และเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับทารก โดยต้องตระหนักและเห็นความสำคัญว่า แม่ต้องเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ส่วนลูกต้องได้รับการรักษาจากทีมแพทย์และพยาบาลไปควบคู่กัน” ศ.ดร.ไดแอน กล่าวย้ำ

ทางด้าน พ.ญ.ศิราภรณ์ สวัสดิวร ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ระบุว่า ในแต่ละปีประเทศไทยมีเด็กทารกและเด็กแรกเกิดที่จำเป็นต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นจำนวนมาก เด็กกลุ่มนี้มีโอกาสถูกแยกแม่-ลูก หรือถูกสั่งให้งดนมแม่ด้วยเหตุผลต่างๆ ทำให้ขาดโอกาสที่จะได้รับน้ำนมแม่ ซึ่งเป็นอาหารที่มีคุณค่าและมีความสำคัญที่สุดในชีวิตของเด็กทารก

“การดูแลส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่สำหรับเด็กป่วยและเด็กคลอดก่อนกำหนด จะทำให้เด็กกลุ่มนี้ได้รับนมแม่ตั้งแต่แรกเกิด และเมื่อแม่จะต้องพาลูกกลับบ้าน ก็จะช่วยให้แม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ต่อเนื่องตามเป้าหมาย แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือการทำให้เด็กกลุ่มนี้ได้รับน้ำนมแม่ทัดเทียมกับเด็กปกติ เพื่อให้เด็กทุกคนได้เติบโตขึ้นเป็นเด็กไทยที่มีคุณภาพ มีคุณสมบัติดียกกำลังสาม ตามแผนพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติของกระทรวงสาธารณสุข และสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ภาคีเครือข่ายนมแม่จะต้องร่วมกันสนับสนุน ผลักดัน และขับเคลื่อนให้องค์ความรู้และแนวทางการปฏิบัติในการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในเด็กป่วย ไปสู่การเป็นนโยบายทางด้านสาธารณสุขของประเทศ จะทำให้การส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ทั้งในเด็กที่ป่วยและไม่ป่วยของไทยประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น” พ.ญ.ศิราภรณ์ สรุป

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์บ้านเมือง

Shares:
QR Code :
QR Code