เลี่ยงถวายอาหารหวานจัด เพื่อสุขภาพช่องปากพระสงฆ์

/data/content/25390/cms/e_eijkmqtuvy68.jpg

         กรมอนามัย แนะพุทธศาสนิกชนควรเลี่ยงถวายอาหารหวานแด่พระสงฆ์ ระบุทำลายสุขภาพ เผยพระสงฆ์ส่วนใหญ่ เป็นผู้สูงวัยที่มีปัญหาสุขภาพช่องปาก และโรคเรื้อรัง

          นายแพทย์ พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวถึงการดูแลสุขภาพช่องปากพระสงฆ์ ว่า พระสงฆ์ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยผู้สูงอายุ ขณะนี้แม้ยังไม่มีการสำรวจเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากของพระสงฆ์ที่ชัดเจน แต่จากการสำรวจสุขภาพช่องปากระดับประเทศ ครั้งที่ 7 ในกลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุระหว่าง 60-70 ปี พบว่า มีฟันผุที่ยังไม่ได้รักษา ร้อยละ 48.3 มีการสูญเสียฟัน ถึงร้อยละ 95.5

          สำหรับการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันโดยทั่วไปสามารถทำได้โดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลสุขภาพในช่องปาก และการป้องกันปัจจัยเสี่ยงร่วมกับการตรวจสุขภาพช่องปากอย่างน้อยปีละครั้ง รวมทั้ง การดูแลอนามัยช่องปากอย่างเหมาะสม ด้วยสูตร 2 : 2 : 2 ได้แก่ แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง นานครั้งละ 2 นาที และงดรับประทานอาหารหลังแปรงฟัน 2 ชั่วโมง รวมถึงการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพฟัน

          อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพระสงฆ์ไม่สามารถเลือกฉันอาหารเองได้ ต้องฉันอาหารตามที่ฆราวาสถวายเท่านั้น พุทธศาสนิกชนจึงควรหลีกเลี่ยงการถวายภัตตาหารที่รสหวานจัด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจทำให้เกิดโรคในช่องปาก รวมถึงโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูงด้วย

          รวมทั้ง ควรหันมาถวายอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพฟัน ได้แก่ อาหารที่มีเส้นใยสูง เช่น ผักและผลไม้จำพวก แตงกวา ฝรั่ง มะเขือเทศ ชมพู่ จะช่วยในการทำความสะอาดฟัน อาหารที่มีวิตามินซี เช่น ส้ม สับปะรด กะหล่ำปลี แครอท ผักคะน้า มีความสำคัญในการรักษาเหงือก ฟัน กระดูก อาหารที่มีวิตามินบี 2 เช่น ถั่วลิสง รำ ถั่วเหลือง มะม่วง จะช่วยป้องกันมุมปากแตก ลิ้นอักเสบ เลือกถวายน้ำผลไม้แทนน้ำอัดลม เพราะน้ำอัดลมมีปริมาณน้ำตาลสูง และมีผลต่อการกัดกร่อนของฟันได้ หากเลี่ยงการดื่มน้ำอัดลมไม่ได้ให้ใช้ดื่มผ่านหลอดลงคอไปโดยตรง จะทำให้น้ำอัดลมสัมผัสกับผิวฟันน้อยกว่าการดื่มจากแก้ว

 

          ที่มา : สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์

          ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code