เร่งรณรงค์ลดอัตราติดเอดส์ทุกกลุ่มเสี่ยง

ที่มา : เว็บไซต์ ASTV ผู้จัดการออนไลน์


เร่งรณรงค์ลดอัตราติดเอดส์ทุกกลุ่มเสี่ยง thaihealth


แฟ้มภาพ


               อุดรธานี-สสจ.เผยปี 62 อุดรธานีมีผู้ป่วยเอดส์ 10,466 คน ชี้อัตราการติดเชื้อมีอยู่ในกลุ่มที่มีอายุน้อยลง ตะลึงอายุเฉลี่ยมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกของนักเรียนชายอายุ 13 ปี โดยไม่สวมถุงยางอนามัย เร่งรณรงค์ลดอัตราติดเอดส์ในทุกกลุ่มเสี่ยง


               นพ.ปรเมษฐ์ กิ่งโก้ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี เปิดเผยถึงสถานการณ์การติดเชื้อ เอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์ จังหวัดอุดรธานี จากรายงานบริการสารสนเทศ การให้บริการผู้ติดเชื้อเอชไอวี (NAP WebReport) ปี 2562 พบว่า จังหวัดอุดรธานี มีผู้ติดเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์ สะสมมีจำนวน 10,466 คน มีชีวิตอยู่และรับยาต้านไวรัสและอยู่ในระบบการรักษาในปัจจุบันมีจำนวน 7,774 คน มีผู้ที่เสียชีวิตจำนวน 1,648 คน และมีผู้ป่วยอีกจำนวนหนึ่งที่ขาดการรักษา จำนวน 1,044 คน


               จากข้อมูลดังกล่าวพบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์ สูงเป็นอันดับที่หนึ่งคือกลุ่มอายุ 25-49 ปี คิดเป็นร้อยละ 39.07 รองลงมาคือกลุ่มอายุ 50 ปีขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 11.26 และกลุ่มอายุ 20-24 ปี คิดเป็นร้อยละ 3.75


               ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าอัตราการติดเชื้อเอชไอวีในกลุ่มอายุที่ลดลง ข้อมูลในปี 2560-2562 พบว่าช่วงอายุ 10-24 ปี มีจำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีมากว่าปีละ 90 คน เป็นเพศชาย มากกว่าเพศหญิง จากการลงสำรวจข้อมูลพฤติกรรมสุขภาพในสถานศึกษา ในปี 2561 พบว่า อายุเฉลี่ยในการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกของนักเรียนชาย คืออายุ 13 ปี โดยไม่สวมถุงยางอนามัย


               นพ.ปรเมษฐ์ ระบุอีกว่า ข้อมูลจากผลการเฝ้าระวังการติดเชื้อเอชไอวี ปี 2561 ในกลุ่มประชากรทั่วไป ได้แก่ หญิงฝากครรภ์ พบการติดเชื้อเอชไอวี ร้อยละ 0.39 และกลุ่มชายไทยทหารเกณฑ์ติดเชื้อเอชไอวี ร้อยละ 1.42 กลุ่มประชากรที่เข้าถึงยาก ได้แก่ พนักงานบริการทางเพศในสถานบริการติดเชื้อเอชไอวี ไม่พบการติดเชื้อ พนักงานบริการทางเพศหญิงในสถานที่สาธารณะพบการติดเชื้อเอชไอวี ร้อยละ 0.25


               สำหรับกลุ่มชายมีเพศสัมพันธ์กับชาย พบว่า ยังคงมีการติดเชื้อเอชไอวีสูงกว่าประชากรกลุ่มอื่นโดยในปี 2561 พบว่ามีการติดเชื้อเอชไอวี ร้อยละ 12


               จากข้อมูลการติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ในจังหวัดอุดรธานี ยังพบว่า สาเหตุและช่องทางการติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่เป็นประชากรทั้งในกลุ่มประชาชนทั่วไป กลุ่มที่มีพฤติกรรมเสี่ยงและเข้าถึงยาก ได้แก่ กลุ่มชายมีเพศสัมพันธ์กับชาย กลุ่มภรรยาที่ติดเชื้อจากสามี และกลุ่มพนักงานบริการ ซึ่งในอีก 5 ปี ข้างหน้ากลุ่มประชากรเหล่านี้ยังคงมีแนวโน้มการติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่สูงกว่าประชากรกลุ่มอื่น รวมทั้งการติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่จากพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย


               ขณะที่สถานการณ์การติดเชื้อเอไอวี/ผู้ป่วยเอดส์ของประเทศไทย พบว่า ในปี 2527 พบผู้ติดเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์ รายแรก และเข้าใจว่ามาจากการมีเพศสัมพันธ์ในกลุ่มชายรักชาย ในปี 2530-2531 พบผู้ติดเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์ ในกลุ่มที่ใช้สารเสพติด โดยเกิดจากการใช้เข็มและหลอดฉีดยาร่วมกันซึ่งมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และปี 2532 พบผู้ติดเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์ ในกลุ่มผู้ค้าบริการทางเพศสูงขึ้น


               ตัวเลขล่าสุดในปี 2562 พบว่าประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อเอไอวี/ผู้ป่วยเอดส์ทุกสิทธิการรักษา สะสมจำนวน 470,623 คน มีชีวิตอยู่และรับยาในปัจจุบัน 334,045 เสียชีวิตไปแล้วจำนวน 67,539 คน และยังพบว่ามีผู้ป่วยอีกจำนวนหนึ่งหยุดยาและขาดการรักษา จำนวน 68,789 คน


               อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ปัญหาดังกล่าว นพ.ปรเมษฐ์ บอกว่า ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี โดยงานควบคุมโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ได้พยายามขับเคลื่อนการดําเนินงานเพื่อเร่งรัดการยุติปัญหาเอดส์ในประเทศไทยภายใน ปีพ.ศ. 2563-2573


               ทั้งนี้ มี 3 เป้าประสงค์ คือ 1.การลดการติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ 2.ลดการเสียชีวิตจากเอดส์ 3. ลดการเลือกปฏิบัติจากเอดส์ และ 6 ยุทธศาสตร์ คือ 1. มุ่งเน้นและเร่งรัดจัดชุดบริการที่มีประสิทธิผลสูงให้ครอบคลุมพื้นที่และประชากรที่อยู่ใน ภาวะเสี่ยงสูง 2. ยกระดับคุณภาพและบูรณาการงานป้องกันที่มีประสิทธิผลให้เข้มข้นและยั่งยืน


               3. พัฒนาและเร่งรัดการรักษาดูแลและชวยเหลือทางสังคมให้มีคุณภาพและยั่งยืน 4.ปรับภาพลักษณ์ ความเข้าใจ เสริมสร้างความเข้มแข็งระดับ บุคคล ครอบครัว ชุมชน รวมทั้ง กลไกการคุ้มครองสิทธิ


               5. เพิ่มความร่วมรับผิดชอบการลงทุนและประสิทธิภาพการจัดการในทุกภาคส่วนและทุกระดับ 6. ส่งเสริมและพัฒนาการเข้าถึงและการใช้ ประโยชน์ข้อมูลเชิงยุทธศาสตร์และการวิจัยที่รอบด้านและมีประสิทธิภาพ

Shares:
QR Code :
QR Code