เร่งพัฒนาบุคลากร ช่วยเด็กไทยไม่จมน้ำ

          กรมอนามัยเร่งพัฒนาบุคลากรช่วยเด็กไทยไม่จมน้ำ


/data/content/26888/cms/e_afhlpsuyz579.jpg


          ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ ปี 2544 – 2553 ประเทศไทยมีเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี เสียชีวิตจากการจมน้ำทั้งในแหล่งน้ำธรรมชาติและภายในสระว่ายน้ำ เฉลี่ยปีละ 1,244 คน หรือ เฉลี่ยวันละ 4 คน เมื่อพิจารณาตามกลุ่มวัยพบว่า กลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี มีสัดส่วนการเสียชีวิตจากการตกน้ำ จมน้ำสูงถึงร้อยละ 30.2 ของทุกกลุ่มอายุ ซึ่งนับว่าสูงกว่าโรคภัยไข้เจ็บและอุบัติเหตุถึง 2 เท่า เมื่อพิจารณาเป็นรายภาค พบว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นภาคที่มีการ จมน้ำตายสูงสุด รองลงมาเป็นภาคกลาง ภาคใต้ และภาคเหนือตามลำดับ และจากการสำรวจสถานการณ์การว่ายน้ำของเด็กไทย จำนวน 13 ล้านคน พบว่า เด็กไทยอายุต่ำกว่า 15 ปี ว่ายน้ำเป็นเพียงร้อยละ 16.3 หรือประมาณ 2 ล้านคน อีก 11 ล้านคน ว่ายน้ำไม่เป็น


          การพัฒนาศักยภาพบุคลากร หรือ ครู ก เพื่อป้องกันการจมน้ำในเด็กไทย โดยกรมอนามัยได้ดำเนินงานขยายผลมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดสาเหตุการเสียชีวิตจากการจมน้ำ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากความละเลยในการดูแลเด็ก ปล่อยให้เด็ก อยู่ตามลำพัง ประกอบกับสภาพแวดล้อมภายในบ้าน และบริเวณใกล้เคียง อยู่ใกล้แหล่งน้ำ เช่น สระ บ่อน้ำ แม่น้ำลำคลอง ที่ไม่มีการป้องกัน ทำให้เกิดการพลัดตกลงไปในน้ำ หรือไปเล่นน้ำ แล้วจมน้ำ นอกจากนี้ยังมีสาเหตุมาจากเด็กว่ายน้ำไม่เป็น และไม่ได้รับการสอนให้รู้จักการป้องกันตนเองด้วยการหลีกเลี่ยงการเล่นน้ำ หรือเล่นใกล้แหล่งน้ำโดยไม่มีผู้ใหญ่ดูแล


          "ทั้งนี้ ครู ก จะได้รับการพัฒนาความรู้และทักษะในการป้องกันการจมน้ำ พร้อมขยาย ผลการดำเนินงาน สู่จังหวัดและองค์กรการปกครอง ส่วนท้องถิ่น และสร้างความร่วมมือกับภาคี เครือข่ายที่เกี่ยวข้อง กำหนด กลยุทธ์ กลวิธี ในระดับชุมชนและระดับชาติ ซึ่งหลักสูตรเน้นการว่ายน้ำพื้นฐาน การว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด การช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ และความปลอดภัย ทางน้ำ เป็นต้น โดยผู้ที่ผ่านการอบรมจะได้รับประกาศนียบัตรของกรมอนามัยกับสมาคม เพื่อช่วยชีวิตทางน้ำ และต้องนำความรู้ความสามารถ ไปดำเนินงานพัฒนาครู ข ในพื้นที่ต่อไป”


 


 


          ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า


          ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต

Shares:
QR Code :
QR Code