เร่งผ่าต้อกระจก หลังพบตาบอดแล้วนับหมื่นราย
พบคยไทยเป็นต้อกระจกชนิดตาบอดตกค้าง อีกประมาณ 70,000 ราย เร่งช่วยเหลือผู้ป่วยให้เข้าถึงบริการและได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์แก้วตาเทียมให้กลับมามองเห็นได้เหมือนเดิม
น.พ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ปัญหาตาบอดและสายตาเลือนรางเป็นปัญหาที่สำคัญของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ประชากรตาบอดจะทำให้สูญเสียทางเศรษฐกิจ เป็นภาระต่อครอบครัวและสังคม ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก พบว่าทั่วโลกมีประชากรตาบอด 39 ล้านคน ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศกำลังพัฒนา 90% โดยสาเหตุ 80% สามารถป้องกันได้และหากไม่มีมาตรการที่มีประสิทธิภาพในการแก้ไข คาดว่าคนตาบอดจะเพิ่มขึ้นเป็น 76 ล้านคนในปี พ.ศ.2563 และ WHO ได้กำหนดวิสัยทัศน์ : vision 2020 : The Right to Sigh by The Year 2020 เพื่อให้ประเทศสมาชิกตระหนักและเร่งแก้ปัญหา
น.พ.สมศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับประเทศไทย ข้อมูลจากการสำรวจของโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) ในปี 2556 พบว่าคนไทยมีความชุกตาบอด 0.6% สาเหตุที่ทำให้ตาบอดมากที่สุดเกิดจากต้อกระจก 70% โดยพบต้อกระจกชนิดตาบอดตกค้าง ประมาณ 70,000 ราย และต้อกระจกชนิดบอดเกิดใหม่ปีละ 60,000 ราย กระทรวงสาธารณสุขในฐานะผู้รับผิดชอบสุขภาวะของประชาชน ตระหนักถึงความสำคัญและผลกระทบปัญหาตาบอดจากต้อกระจก ตั้งเป้าลดอัตราความชุกของตาบอดให้ต่ำกว่า 0.5% ตามเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก และกำหนดเป็นนโยบายเร่งรัดขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติให้เห็นผลในระยะสั้น ดำเนินการได้ทันทีเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน ได้จัดทำโครงการ “สาธารณสุขรวมใจ มอบโลกสดใส เทิดไท้องค์ราชัน” ขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยตาบอดจากต้อกระจกให้เข้าถึงบริการและได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์แก้วตาเทียมให้กลับมามองเห็นได้เหมือนเดิม
ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ 12 เขตบริการสุขภาพ ค้นหาผู้ป่วยตาต้อกระจกโดยคัดกรองสายตาผู้สูงอายุครอบคลุม 75% ภายในเดือนธันวาคม 2557 เพื่อขึ้นทะเบียนและติดตามผู้ป่วยเข้าสู่กระบวนการผ่าตัด และจะจัดบริการผ่าตัดให้รวดเร็วขึ้น โดยต้อกระจกชนิดบอดภายใน 30 วัน และต้อกระจกชนิดสายตาเลือนรางภายใน 90 วัน ตั้งเป้าในปีงบประมาณ 2558 จะผ่าตัดตาต้อกระจกชนิดบอดทั่วประเทศ 60,000 ราย
ที่มา: เว็บไซต์บ้านเมือง
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต