“เรื่องเพศคุยเชิงบวกได้” คุยง่ายกว่าที่คิด

 

 

เมื่อขับรถเลี้ยวเข้ามาในโรงเรียนช่วงพักกลางวันของวันสอบปลายภาคเรียน มองผ่านกระจกเห็นนักเรียนหญิงชายหลายชั้นหลายวัยกำลังจับกลุ่มกัน นั่งเล่น นั่งคุย บางกลุ่มนั่งอ่านหนังสือ กินขนม  พูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน กระจายตามมุมต่างๆ ในพื้นที่โรงเรียน และจุดหมายของเราในวันนี้คือห้องแนะแนวบนอาคารไม้ชั้นหนึ่งของโรงเรียน หน้าห้องมีการจัดบอร์ดนิทรรศการ บอกเล่ากิจกรรมต่างๆ ที่คณะครูและนักเรียนได้ร่วมกันทำ ทั้งภาพถ่าย โปสเตอร์ต่างๆ ประโยคข้อความเล่าเรื่องราวหลายรูปแบบ หลายกิจกรรม แล้วเมื่อหันมองเข้ามาในห้อง เราเห็นอาจารย์ผู้หญิงวัยกลางคน สวมแว่น ยุ่งอยู่กับเอกสารจำนวนมากที่วางกองอยู่บนโต๊ะ กำลังยิ้มพูดคุยกับนักเรียนชายคนหนึ่ง รอบๆห้องมีนักเรียนทั้งหญิงชายหลายวัย อ่านหนังสือ นั่งเล่นนอนเล่นคุยกัน กินขนม อยู่กันตามมุมต่างๆของห้อง และนี้คือห้องทำงานและห้องเรียนของเด็กๆ ในวิชาแนะแนวและห้องทำกิจกรรมเรื่องเพศคุยได้ในโรงเรียนซึ่งนำโดย อาจารย์บัวภา จางวางแก้ว

วันนี้เรามีนัดพูดคุยกับอาจารย์บัวภา จางวางแก้ว ซึ่งท่านเป็นอาจารย์ประจำวิชาแนะแนว ของโรงเรียนคลองใหญ่วิทยาคม จ.ตราด ผู้สะสมประสบการณ์การสอนมาหลายสิบปี บ่อยครั้งท่านพบปัญหาเรื่องเพศของเด็กๆในวัยเรียน และมีอยู่เหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้อาจารย์ต้องหันกลับมาสนใจการสอนเรื่องเพศให้กับนักเรียนของท่านอย่างจริงจัง คือเมื่อหลายปีก่อนมีนักเรียนท้องแล้วไม่รู้ตัวว่าตัวเองตั้งท้อง แล้วไม่กล้าไม่บอกพ่อแม่แต่กลับเดินเข้ามาหาปรึกษาทางแก้กับตัวอาจารย์บัวภา ครั้งนั้นที่ให้ท่านมองว่าการให้ความรู้เรื่องเพศยังคงเป็นสิ่งจำเป็นและวิธีป้องกันไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ปลายเหตุอย่างที่ใครหลายคนคิด เพราะเด็กๆ ส่วนใหญ่ยังคงมีทัศนคติมองเรื่องเพศเป็นเรื่องเชิงลบ สกปรก น่าอาย เมื่อเกิดความสงสัยจึงไม่กล้าถามหรือขอคำปรึกษาจากผู้ใหญ่ ส่วนครูบาอาจารย์ในสถานศึกษาเองก็ไม่ยอมเปิดใจพูดหรือพยายามสื่อสารสร้างความเข้าใจเรื่องเพศ กลับปล่อยให้เด็กๆ ไปแสวงหาความรู้จากเพื่อนฝูงในวัยเดียวกันไปจนถึงสื่อลามกต่างๆที่มีอยู่เกลื่อนเมือง ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ การ์ตูน วีซีดี ภาพ และคลิปวิดีโอโป๊เปลือยที่แพร่ระบาดและหาได้ทั่วไปไม่ต่างกับการซื้อขนม

จากสถานการณ์เหล่านี้จึงเป็นการจุดประกายความคิดสอนเรื่องเพศอย่างจริงจัง โดยวิธีสอนของอาจารย์จะสอนแบบเปิดใจ เปิดโอกาสให้เด็กได้ซักถามแบบตรงๆ ได้ ไม่ต้องอ้อมค้อม ทุกคนมีสิทธิ์คิด สงสัย และถามได้ในทุกเรื่อง ไม่มีใครถูกใครผิด ส่วนบรรยากาศในห้องเรียน ตัวอาจารย์บัวภาเองก็พูดคุยกับนักเรียนไถ่ถามถึงเรื่องทั่วๆไปบ้าง หยอกล้อบ้าง  และมีอุปกรณ์ต่างๆ เป็นตัวช่วยการสื่อสารให้นักเรียนเข้าถึงบทเรียน และเรียกความสนใจ เรียกเสียงฮือฮาจากนักเรียนได้ทุกครั้งเมื่อหยิบขึ้นมา ยิ่งเมื่อเด็กๆ ได้เห็นอุปกรณ์  ได้ทดลองสัมผัส จับ หรือเรียนรู้วิธีใช้ และไม่ใช่แต่เพียงการพูดคุยกันเฉพาะในเวลาเรียนเท่านั้น อาจารย์ยังอนุญาตให้นักเรียนสามารถเข้ามาปรึกษาพูดคุยเรื่องเพศได้ทั้งในและนอกเวลาเรียนได้ตลอดเวลา อย่างในเวลาเรียนแต่ละชั้นเรียนด้วยวัยที่ต่างกันของนักเรียน ทำให้อาจารย์ได้รับคำถามที่หลายหลายต่างกันตามวัยและประสบการณ์ของเด็กที่กำลังพบอยู่ สำหรับคำถามที่พบในระดับชั้นม.ต้น นั้นนักเรียนจะสนใจในเรื่องของสรีระที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงของตัวเองเป็นส่วนใหญ่ เช่น การมีประจำเดือน ขนาดของหน้าอก สะโพก การฝันเปียก การเปลี่ยนแปลงของขนาดอวัยวะเพศ ฯลฯ ส่วนคำถามของนักเรียนชั้นม.ปลาย จะเป็นคำถามที่ลงลึกในเรื่องของการมีเพศสัมพันธ์ ท่วงท่า การป้องกันดูแล และอาจารย์ไม่ลืมที่จะปลูกฝังให้เด็กๆ มองเรื่องเพศเป็นเรื่องธรรมชาติเกิดขึ้นได้กับทุกคน ประกอบกับสถานการณ์สังคมในขณะนี้อยู่ในภาวะ “เด็กปรึกษาเด็ก” อาจารย์จึงได้ร่วมรณรงค์  “เรื่องเพศ คุยได้” กับทางแผนงานสร้างเสริมสุขภาวะทางเพศและศูนย์สื่อสารการตลาดเพื่อสังคม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ  ( สสส.) เพื่อส่งเสริมทัศนคติเรื่องเพศเชิงบวกให้แก่ครอบครัว ชุมชนและเยาวชน ด้วยการสร้างแกนนำนักเรียนที่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องเพศที่ถูกต้อง จากการเรียนในชั้นเรียนและการทำกิจกรรมร่วมกับอาจารย์บัวภา นำความรู้ไปบอกต่อ ในรูปแบบเพื่อนบอกเพื่อน พี่บอกน้อง จนเกิดการรวมกลุ่มของนักเรียนทั้งในชั้นระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย ที่มีจิตอาสาต้องการบอกเล่าเรื่องเพศที่ถูกต้องให้กับเพื่อนๆ เพื่อสร้างมิติความเข้าใจเรื่องเพศอย่างเข้าใจ รู้จักวิธีดูแลป้องกันตนเองได้อย่างถูกต้อง เพราะวัยที่ใกล้กันทำให้เด็กสื่อสารกันง่ายเข้าถึงและรวดเร็ว แกนนำนั้นมีตั้งแต่ระดับม.1-ม.6 จนเกิดเป็นกลุ่มพลังของวัยรุ่นยุคใหม่ที่เข้าใจเรื่องเพศเชิงบวก ผ่านกิจกรรมมากมายภายใต้การดูแลของอาจารย์บัวภา ไม่ว่าจะเป็นการจัดนิทรรศการในวันสำคัญ การจัดค่ายอบรมในเขตโรงเรียน อ.คลองใหญ่ ตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาจนถึงชั้นมัธยมศึกษา  หรือออกไปให้ความรู้ในตลาด ชุมชน  รวมถึงยังได้รับความร่วมมือจากโรงพยาบาล ชุมชนและครูในพื้นที่ที่เห็นความสำคัญของการคุยเรื่องเพศกับเด็กและเยาวชนอีกด้วย

และเสียงจากนักเรียนที่ได้เรียนและเข้าร่วมกิจกรรมกับอาจารย์บัวภา ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าด้วยวิธีการสอนของอาจารย์บัวภา ในแบบตรงไปตรงมา เปิดใจไม่อ้อมค้อม ทำให้กล้าถามและกล้าคุยเรื่องเพศกับอาจารย์ได้อย่างเต็มที่ และการที่ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องเพศกับเพื่อนที่มีความรู้เรื่องเพศในวัยที่ใกล้เคียงกันทำให้ไม่เขินอายหรือคิดว่าเป็นเรื่องผิดปกติหมกหมุ่นอีกต่อไป แม้ก่อนหน้านี้จะมองว่าเรื่องเพศเป็นเรื่องไม่ดี สกปรก ไม่กล้านำเรื่องเพศไปคุยกับผู้อื่น แต่เมื่อได้รับความรู้และทำความเข้าใจกลับมองว่าเรื่องเพศเป็นเรื่องธรรมชาติที่สามารถคุยกันได้ นอกจากนี้กลุ่มนักเรียนไม่ได้มุ่งเน้นเพียงกิจกรรมเรื่องพูดคุยเพศเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ยังมีกิจกรรมอื่นๆ เช่น การปลูกป่าชายเลน การทำem ball เป็นตัวเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มนักเรียนด้วยกันเอง สร้างความใกล้ชิดระหว่างครูกับนักเรียนเพื่อลดช่องว่างของครูกับนักเรียน พร้อมสอดแทรกเล็กๆน้อยๆเรื่องเพศเข้าไปในกิจกรรมในบางช่วยบางตอนของการทำกิจกรรมต่างๆ อย่างการพูดคุย หรือเล่นเกมส์ ตามความเหมาะสม

จากการได้พูดคุยกับนางสาวบุปผา ขนอน สมาชิกนักเรียนแกนนำ เธอเล่าให้ฟังว่า การได้เข้าร่วมโครงการ “เรื่องเพศคุยได้” ของอาจารย์บัวภาในครั้งนี้ เริ่มจากอาจารย์บัวภามาเล่าถึงกิจกรรมเรื่องเพศคุยได้ที่ได้รับการสนับสนุนสสส. และถามความเห็นของสมาชิกในชุมนุมว่ามีใครสนใจทำกิจกรรมนี้ไหม ซึ่งโดยปกติชุมนุมของเราจะทำกิจกรรมร่วมกันเป็นประจำอยู่แล้ว กิจกรรมครั้งนี้ก็เช่นกันทุกคนสนใจจึงร่วมมือกันทำกิจกรรมนี้ แม้ในใจลึกๆ ของสมาชิกหลายคนก็แอบกังวลว่าถ้าเราเป็นตัวแทนพูดคุยเรื่องเพศ คนรอบข้างจะมองว่าเราเป็นเด็กไม่ดี นำเรื่องเพศมาคุยในที่สาธารณะ น่าอาย สกปรก รู้เกินเด็ก ในช่วงแรกถูกสายตาจากคนรอบข้างมองแบบนั้นจริงๆ ทั้งเพื่อนๆ พ่อแม่หรือแม้แต่อาจารย์บางท่าน แต่ก็เป็นเพียงคนส่วนน้อยที่มองว่าไม่ดี และยิ่งได้ออกไปทำกิจกรรมอย่าง การออกไปพูดหน้าเสาธง พูดในวันประชุมผู้ปกครอง  จัดค่ายอบรม จัดนิทรรศการ แรกๆมักถูกล้อจากเพื่อนๆน้องๆ บ้าง แต่สิ่งที่ย้อนกลับมาตอนนี้ กลับมีทั้งเพื่อน รุ่นน้อง รุ่นพี่เข้ามาพูดคุยบอกเล่าเรื่องส่วนตัวเพื่อปรึกษาขอคำแนะนำจากพวกเรามากขึ้น ทำให้เราได้ช่วยเพื่อนๆ ไขข้อสงสัยเรื่องเพศ ยกตัวอย่างเดี๋ยวนี้บางทีเดินไปตามโรงอาหารก็มีน้องๆเดินถือกล่องนมเข้ามาแซวว่า “นมไหม นมไหมพี่”เราก็จะคุยเล่นกับเขาไป มันเป็นการสร้างความสนิทสนมกันทำให้ทั้งเราและเขากล้าพูดกล้าคุยกันเรื่องเพศ แนะนำให้คำปรึกษากันมากขึ้นสร้างความภูมิใจให้กับพวกเรา ที่ช่วยให้การตั้งท้องในวัยเรียนในโรงเรียนลดลงจนหมดไป และช่วยสร้างความเข้าใจเรื่องเพศ เช่น การมีประจำเดือน การช่วยตัวเอง การดูแลสุขภาพของตัวเองฯลฯ แต่พวกเรายังไม่ได้หยุดแค่การทำกิจกรรมในโรงเรียนเพียงอย่างเดียว อาจารย์ภายังให้พวกเราเข้าไปให้ความรู้กับโรงเรียนใกล้เคียงทั้งระดับชั้นประถมศึกษา มัธยมศึกษา ชุมชน อย่างในวันประชุมหมู่บ้าน ตลาดนัด หรือในวันเทศกาลสำคัญต่างๆ เช่น วาเลนไทน์ ลอยกระทง ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานจากโรงพยาบาล ชุมชน เป็นอย่างดี

และอีกหนึ่งเสียงของนักเรียนแกนนำ นายภูไท อภิบาลศรี เด็กหนุ่มไม่ค่อยพูดแต่เมื่อเอ่ยถามถึงการเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้กลับบอกเล่าได้อย่างฉะฉานว่า ครั้งแรกที่เรียนเรื่องเพศกับอาจารย์บัวภา ตัวเองยังเขินอายไม่กล้าถามเวลามีข้อสงสัยหรือนำเรื่องเหล่านี้ไปเล่าให้พ่อแม่ฟัง กลัวคนอื่นจะมองว่าเราเป็นคนไม่ดีแต่เมื่อได้มาเรียนรู้จนเกิดความเข้าใจและไม่คิดว่าการคุยเรื่องเพศเป็นเรื่องผิดอีกต่อไป จึงได้มาเป็นแกนนำนักเรียนถ่ายทอดความรู้ให้กับเพื่อนๆ น้องๆ รวมไปถึงผู้ใหญ่หลายๆท่าน ทำให้ท่านหันกลับมามองเห็นความสำคัญของการพูดคุยเรื่องเพศกับลูกหลานของตน ถึงบางทีผู้ใหญ่หลายท่านจะไม่เข้าใจมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะ แม้แต่พ่อแม่ของตัวเราเองในตอนแรกๆ แต่เมื่อได้ทำและพูดคุยรวมถึงผลงานที่ออกมาทำให้มีผู้ใหญ่เข้าใจและให้ความสำคัญสนับสนุนมากขึ้น เป็นความภูมิใจที่ในใจหวังว่าด้วยพลังๆของพวกเราจะเป็นส่วนหนึ่งในช่วยลดปัญหาเรื่องเพศและสร้างมุมมองเรื่องเพศเชิงบวกให้แก่สังคมไทย

เมื่อเพศศึกษาในชั้นเรียนไม่ใช่ว่าด้วยเรื่อง อสุจิ รังไข่ มาปฏิสนธิกัน จนเกิดการตั้งครรภ์ จากนั้นนำความรู้จากบทเรียนไปทำข้อสอบและแสดงผลของความเข้าใจเรื่องเพศผ่านสมุดพก บุคคลที่สำคัญในวัยเรียนคือครูและเพื่อน เพื่อนเป็นบุคคลอันดับต้นๆที่เด็กจะปรึกษาเมื่อมีปัญหา ครูเป็นผู้ที่เด็กให้ความรัก ความเกรงกลัว และเป็นที่ยกย่องเลียนแบบบ่อยครั้งที่เด็กจะฟังความคิดเห็นของครู และเชื่อถือครูมากกว่าพ่อแม่ ฉะนั้น ครูจึงเป็นบุคคลที่สำคัญมากที่จะเป็นผู้อบรม และชักชวนให้เด็กเกิดความรู้สึกที่ดีต่อการเรียน สามารถรับรู้ความเป็นจริงมากขึ้น เขาจะรู้จักเวลา รู้จักคิดในใจ เริ่มรับกฎเกณฑ์ ช่วยเหลือตนเอง และบุคคลอื่นในส่วนรวมได้ อาจารย์บัวภาจึงกลายเป็นเพื่อนอีกคนหนึ่งที่คอยเรียนรู้และค้นหาคำตอบไปด้วยกัน  ตลอดจนไปถึงการสร้างแกนนำเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเด็กได้ง่ายและรวดเร็ว จนปัญหาท้องในวัยเรียนในโรงเรียนคลองใหญ่วิทยาคมไม่มี ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี และสร้างกำลังใจให้กับทุกๆคนช่วยกันบ่มเพาะทัศนคติเรื่องเพศเชิงบวกให้กันเด็กและเยาวชน ไม่ให้เรื่องเพศเป็นปัญหากวนใจของครอบครัว โรงเรียนและสังคมอีกต่อไป

สุดท้ายนี้อาจารย์บัวภา ยังฝากถึงคุณครูทุกท่านว่าให้มองเรื่องเพศเป็นเรื่องธรรมชาติ เปิดใจให้กว้าง ทัศนคติเก่าๆให้ทิ้งไป เพราะโลกมันเปลี่ยนไป เราต้องตามให้ทัน เวลาที่เด็กๆเขาอยากรู้ไม่รู้จะไปถามใคร ดังนั้นเราต้องเปิดใจให้กว้างเท่าที่จะทำได้ เป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำ เพื่อสร้างมุมมองและทัศนคติเรื่องเพศเชิงบวกที่ถูกต้องให้กับเด็กและเยาวชน

 

 

ที่มา : มูลนิธิสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพผู้หญิง (สคส.)

Shares:
QR Code :
QR Code