เรื่องบนเตียงที่ปลอดภัย พูดอย่างไรดี

ที่มา : http://talkaboutsex.thaihealth.or.th


เรื่องบนเตียงที่ปลอดภัย พูดอย่างไรดี thaihealth


ปัจจุบันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือ STD (sexually transmitted disease) เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง แต่สิ่งที่ขัดแย้งคือมีไม่กี่คนหรอกที่สามารถพูดคุยเรื่องนี้ได้อย่างเต็มปาก เพราะมันเป็นเรื่องที่ชวนกระอักกระอ่วน เป็นเรื่องส่วนตัว และน่าอับอาย แต่เรื่องนี้มีผลต่อสุขภาพและความสุขของเราไม่ว่าเซ็กส์ที่มีจะอะเมซซิ่งแค่ไหนก็ตาม


หาวิธีพูดถึง STD อย่างไรให้เข้าท่า


เราควรคุยเรื่อง STD และเซ็กส์ที่ปลอดภัยก่อนจิ๊จ๊ะกัน จริงๆ แล้วเราควรพูดเรื่องนี้ก่อนขึ้นเตียงด้วยซ้ำ หาเวลาคุยอย่างจริงจังไม่ใช่ตอนกำลังเที่ยวเล่น ควรมีเวลาเป็นส่วนตัวเพื่อพูดกับว่าที่คู่ขาให้เข้าใจ


ในการเริ่มบทสนทนา สิ่งที่ต้องทำคือพูดอะไรประมาณว่า อีกไม่นานเราก็จะมีเซ็กส์กันแล้ว ฉันอยากพูดถึงโรคที่ติดต่อทางเซ็กส์ ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่ประเด็นที่น่าคุยกันนัก แต่ถ้าเราพูดกันให้รู้เรื่องตั้งแต่ตอนนี้ ปัญหาจะได้ไม่เกิดขึ้นให้ปวดหัวทีหลัง


ไม่จำเป็นต้องสร้างบทสนทนาที่ซีเรียสเข้มข้นโดยขุดคุ้ยประวัติศาสตร์ทางเซ็กส์ของกันและกัน แค่พูดถึงประวัติทางการแพทย์นิดหน่อย และช่วยกันวางแผนป้องกัน STD โดยสิ่งจำเป็นที่ต้องพูดถึงคือ…


เราทำให้เขาเสี่ยงติด STD หรือไม่ และเขาทำให้เราเสี่ยงติด STD หรือเปล่า


การไปตรวจหาเชื้อ STD และ HIV เพื่อให้เรารู้ว่าสามารถเริ่มชีวิตเซ็กส์ด้วยกันได้อย่างปลอดภัยไร้โรคร้าย


ความจริงที่ว่าเราจะใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเซ็กส์ไม่ว่าสถานการณ์ใดก็ตาม และเรายังพูดได้ด้วยว่า เราชอบใช้ถุงยางประเภทไหน


เราอาจคุยเรื่องการคบหากันแบบรักเดียวใจเดียว การมีเซ็กส์กับคนๆ เดียวจะช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อ STD (ถ้าเราและเขาปลอดเชื้อด้วยกันทั้งคู่) อย่างไรก็ตามมีคนเป็นล้านที่ปากพูดว่าจะทำตัวซื่อสัตย์แล้วก็แอบไปมีกิ๊ก นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมการใช้ถุงยางทุกครั้งที่มีเซ็กส์จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการทำให้แน่ใจว่าเราถูกปกป้องอย่างปลอดภัยค่ะ


ถึงแม้พากันไปตรวจแล้วพบว่าปลอดเชื้อไร้โรคทั้งคู่ เราก็อาจใช้ถุงยางทุกครั้งที่มีเซ็กส์ต่อไปได้ และต่อให้ใครบอกว่ามีโรคชนิดแอบแฝงที่ไม่แสดงอาการทันทีหลังจากตรวจเจอ หรือเราและเขาจะไม่นอกใจและติดโรค ไม่ว่าด้วยเหตุผลกลใดก็ต้องใช้ถุงยาง สุขภาพของเราสำคัญมากเกินกว่าจะเอามาเสี่ยงค่ะ


แล้วถ้าเรารู้ว่าตัวเองมี STD


อย่างที่บอกไว้แต่แรกว่า เราไม่จำเป็นต้องแฉประวัติทางเพศทุกสิ่งอย่างให้อีกฝ่ายฟัง แต่ถ้าเรารู้ว่าตัวเองมี STD ก็ต้องบอกให้เขารู้แน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้า


เขามี STD ชนิดเดียวกัน เราสามารถแพร่เชื้อให้เขาได้ หรือเขาสามารถแพร่เชื้อให้เราได้ เขาอาจไม่แสดงอาการใดๆ (หรืออาจไม่เอ่ยถึงอาการใดๆให้เรารู้) แต่เขายังเป็นโรคนั้นอยู่ มีโรค STD หลายตัวที่ฝังตัวโดยไม่แสดงอาการในคนใดคนหนึ่ง ดังนั้นต้องรับการรักษาทั้งคู่


เรามี STD ที่ยังแพร่เชื้อได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการสัมผัสทางผิวหนังที่ไม่ได้ปกปิดด้วยถุงยางอนามัย เช่น เริม เป็นต้น


เรามี STD ชนิดที่มีผลกับเราไปตลอดชีวิต และอาจกลายเป็นสิ่งคุกคามชีวิต เช่น เอดส์ และถึงแม้ว่าเราจะใช้ถุงยางอนามัยและมีเซ็กส์อย่างปลอดภัยเสมอ แต่ถ้าเรามี STD เราต้องบอกอีกฝ่ายทันที ลองเอาใจเขามาใส่ใจเราดู เราจะรู้สึกอย่างไรถ้าคู่ขามี STD แล้วไม่ยอมบอก ถ้าเราแคร์ความรู้สึกของกันและกัน เราควรจับเข่าคุยถึงเรื่องนี้ และถ้าใครคนใดคนหนึ่งเป็นโรค ทั้งคู่ต้องไปพบแพทย์เพื่อชีวิตที่เป็นสุขและปลอดภัยกันนะคะ

Shares:
QR Code :
QR Code